ศาลสั่งจำคุก “อ้อย ปัญญาทิพย์” อดีตครูสาว 60 ปี ปรับ 6 ล้าน โพสต์เฟซบุ๊กหลอกชาวบ้านลงทุนหุ้นธนาคาร สารภาพลดโทษ จำคุกได้ตามกฎหมาย 20 ปี ปรับ 3 ล้าน และชดใช้เงินคืนผู้เสียหาย 12 ราย
วันนี้ (16 พ.ย.) ที่ห้องพิจารณา 813 ศาลอาญา ถ.รัชดาภิเษก ศาลอ่านคำพิพากษาคดีฉ้อโกงหุ้นธนาคาร หมายเลขดำ อ. 2160/2562 ที่พนักงานอัยการคดีเศรษฐกิจและทรัพยากร 1 เป็นโจทก์ฟ้อง น.ส.จุฑารัตน์ ปัญญาทิพย์ อดีตครู ร.ร.แห่งหนึ่งใน กทม. เป็นจำเลยในความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 343 ฐานฉ้อโกงประชาชน, พ.ร.ก.การกู้ยืมเงินที่เป็นการฉ้อโกงประชาชน และ พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ฯ พ.ศ. 2550
กรณีระหว่างวันที่ 27 ก.พ. - 21 เม.ย. 2559 ต่อเนื่องกัน จำเลยมีเจตนาทุจริตกู้ยืมเงินอันเป็นการฉ้อโกงประชาชนด้วยการเผยแพร่ข้อความในเฟซบุ๊ก กลุ่มตลาดนัดประมูลทองคำแท้และสินค้าทุกประเภท by อ้อย ปัญญาทิพย์ ชักชวนให้สมาชิกและประชาชนที่สนใจเข้าร่วมลงทุนซื้อหุ้นของธนาคารพาณิชย์ต่างๆ กับจำเลย โดยเสนอจ่ายผลประโยชน์ตอบแทนเป็นเงินปันผลในอัตราสูงตามเงื่อนไขการลงทุน ทำให้มีผู้เสียหาย 12 รายหลงเชื่อ นำเงินจำนวนมากมาลงทุนกับจำเลย โดยผู้เสียหายได้รับเงินคืนเพียงบางส่วน เหตุเกิดที่เขตดอนเมือง กรุงเทพฯ และที่อื่นเกี่ยวพันกัน โดยจำเลยให้การรับสารภาพระหว่างการพิจารณา และได้รับการประกันตัว
วันนี้ (16 พ.ย.) น.ส.จุฑารัตน์ จำเลยเดินทางมาศาลฟังคำพิพากษา ศาลพิเคราะห์แล้ว พยานโจทก์ต่างเบิกความเป็นลำดับขั้นตอนสอดคล้องกันเชื่อว่า เบิกความไปตามความจริง ขณะที่จำเลยให้การรับสารภาพ ข้อเท็จจริงฟังได้ว่าจำเลยโฆษณาต่อประชาชนตั้งแต่ 10 คนขึ้นไป ในการกู้ยืมจะจ่ายผลตอบแทนในอัตราที่สูงกว่าสถาบันการเงินจะพึงจ่ายได้ โดยที่จำเลยรู้หรือควรรู้อยู่แล้วว่าจะนำเงินจากผู้ให้กู้ยืมรายนั้นหรือรายอื่นมาจ่ายหมุนเวียนให้แก่ผู้ให้กู้ยืมเงิน และรู้หรือควรรู้อยู่แล้วว่าไม่สามารถประกอบกิจการใดๆ โดยชอบด้วยกฎหมายที่จะให้ผลประโยชน์ตอบแทนเพียงพอที่จะนำมาจ่ายในอัตรานั้นได้ พยานโจทก์ฟังได้มั่นคงปราศจากข้อสงสัยว่าจำเลยกู้ยืมเงินที่เป็นการฉ้อโกงประชาชน
พิพากษาว่า จำเลยมีความผิดตาม ป.อาญา มาตรา 343 วรรคแรก, พ.ร.ก.การกู้ยืมเงินที่เป็นการฉ้อโกงประชาชน มาตรา 4 ประกอบมาตรา 12 และ พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ฯ พ.ศ.2550 มาตรา 14(1) วรรคหนึ่ง ให้ลงโทษฐานกู้ยืมเงินที่เป็นการฉ้อโกงประชาชนซึ่งเป็นบทหนักสุด จำคุกกระทงละ 5 ปี ปรับ 5 แสนบาท รวม 12 กระทง เป็นจำคุก 60 ปี ปรับ 6 ล้านบาท จำเลยให้การรับสารภาพลดโทษกึ่งหนึ่ง คงจำคุก 30 ปี ปรับ 3 ล้านบาท แต่โทษจำคุกแต่ละกระทงมีอัตราโทษอย่างสูงจำคุกเกิน 3 ปีแต่ไม่เกิน 10 ปี คงให้จำคุกจำเลยมีกำหนด 20 ปี ตาม ป.อาญา มาตรา 91(2) ให้จำเลยคืนเงินแก่ผู้เสียหาย 12 ราย พร้อมดอกเบี้ยร้อยละ 7.5 ต่อปี นับแต่วันฟ้อง โดยมูลค่าความเสียหายของผู้เสียหายทั้ง 12 ราย เป็นเงินต้นรวมแล้วกว่า 2 ล้านบาท