ศาลอาญาเลื่อนฟังคำสั่งคดี “ตู่-จตุพร” ชุมนุมปิดล้อมบ้านสี่เสาเทเวศร์ ไป 25 ม.ค.ปีหน้า หลังอัยการโจทก์ชี้แจงไม่ฟ้องอีก 5 คน เนื่องจากคดีขาดอายุความ ขณะจำเลยขอให้แสดงหลักฐานการพยายามติดตามตัวทั้งหมดมาดำเนินคดีตามกฎหมาย
วันนี้ (9 พ.ย.) ศาลอาญานัดฟังคำสั่งคดีชุมนุมปิดล้อมบ้านสี่เสาเทเวศร์ ที่ พล.อ.เปรม ติณสูลานนท์ อดีตประธานองคมนตรีเคยพักอาศัย (สำนวนที่สอง) หมายเลขดำ อ2799/2557 ซึ่งพนักงานอัยการฝ่ายคดีอาญา 10 เป็นโจทก์ยื่นฟ้อง นายจตุพร พรหมพันธุ์ ประธานแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.) และ นายศราวุธ หลงเส็ง ผู้ชุมนุม นปช. เป็นจำเลยที่ 1-2 ในความผิดฐานมั่วสุมกันตั้งแต่ 10 คนขึ้นไป ใช้กำลังประทุษร้ายหรือกระทำการอย่างหนึ่งอย่างใดให้เกิดความวุ่นวายในบ้านเมืองฯ และต่อสู้ขัดขวางเจ้าพนักงานในการปฏิบัติหน้าที่โดยใช้กำลังประทุษร้าย ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 138 วรรคสอง, 215, 216
กรณีเมื่อวันที่ 22 ก.ค. 2550 แกนนำและแนวร่วม นปช. นำขบวนผู้ชุมนุมหลายพันคน จากเวทีปราศรัยเคลื่อนที่สนามหลวง ไปยังบ้านพักสี่เสาเทเวศร์ ของ พล.อ.เปรม เพื่อเรียกร้องกดดันให้ลาออกจากตำแหน่ง สำหรับสำนวนคดีที่สองนี้ อัยการยื่นฟ้องเมื่อวันที่ 29 ส.ค. 2557 ภายหลังจาก นายจตุพร ซึ่งขณะนั้นดำรงตำแหน่ง ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย พ้นสมัยประชุมสภา โดยก่อนหน้านี้ คดีสำนวนแรก หมายเลขดำ อ3531/2552 พนักงานอัยการได้ฟ้องแกนนำ นปช. และผู้ชุมนุมรวม 7 ราย ศาลฎีกาได้พิพากษายืนตามศาลอุทธรณ์ ให้จำคุก นายนพรุจ หรือ นพรุฒ วรชิตวุฒิกุล อดีตแกนนำกลุ่มพิราบขาว 2006, นายวีระกานต์ มุสิกพงศ์ อดีตประธาน นปช., นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ เลขาธิการ นปช., นายวิภูแถลง พัฒนภูมิไท และ นพ.เหวง โตจิราการ แกนนำ นปช. คนละ 2 ปี 8 เดือน ไม่รอลงอาญา
และเมื่อวันที่ 21 ก.ย. 2563 ในการนัดพร้อมคดี นายจตุพร จำเลยที่ 1 ได้แถลงต่อศาลว่า คดีนี้พนักงานสอบสวนและพนักงานอัยการได้ตั้งสำนวน มีผู้ร่วมกระทำความผิดอีกจำนวนหลายคน แต่เนื่องจากอัยการมีคำสั่งให้ฟ้องผู้ต้องหาแต่ละคนแยกสำนวนคนละคดีในลักษณะเลือกตัวบุคคลซึ่งเป็นการมิชอบ จำเลยที่ 1 เห็นว่า การกระทำดังกล่าวก่อให้เกิดความไม่เป็นธรรมต่อผู้ที่ตกเป็นผู้ต้องหาร่วมกันในคดีเดียวกัน จึงยื่นคำร้องขอให้ศาลพิจารณาถึงประเด็นดังกล่าว ศาลจึงกำหนดนัดฟังคำสั่งในวันนี้
ศาลพิจารณาแล้ว คดีสืบเนื่องจากอัยการสูงสุดได้มีคำสั่งฟ้องจำเลยชุดที่ 1 นายวีระกานต์ มุสิกพงศ์ กับพวกรวม 7 คน เป็นคดีหมายเลขดำ อ3531/2552 คดีดังกล่าวศาลฎีกามีคำพิพากษาถึงที่สุดไปแล้ว ส่วนชุดที่ 2 พนักงานอัยการได้ยื่นฟ้องจำเลยทั้งสองในคดีนี้ ยังคงเหลืออีก 5 คน ที่โจทก์จะต้องนำตัวมาฟ้องตามกฎหมาย
ศาลได้สอบถามโจทก์แล้วแถลงว่า นายมานิตย์ จิตต์จันทร์กลับ, นายบรรจง สมคำ, หม่อมหลวง วีระยุทธ เสนีย์วงศ์ ณ อยุธยา, นายจักรภพ เพ็ญแข และ นายจรัล ดิษฐาอภิชัย ทั้ง 5 คนดังกล่าวคดีขาดอายุความไปแล้ว พนักงานอัยการได้มีคำสั่งยุติคดีไปแล้ว ส่วน พ.อ.ดร.อภิวันท์ วิริยะชัย เสียชีวิตไปแล้ว จำเลยทั้งสองในคดีนี้ อัยการสูงสุดมีคำสั่งชี้ขาดให้ฟ้องเป็นคดี ก่อนคดีจำเลยทั้งห้าขาดอายุความ
จำเลยทั้งสองแถลงร่วมกันว่า ขอทราบเกี่ยวกับเรื่องการทำงานของโจทก์ในการติดตามตัวจำเลยทั้งห้าคนมาฟ้องคดีที่ศาล ซึ่งจำเลยบางคนอยู่ต่างประเทศ ว่า มีการติดตามจำเลยทั้งห้าคนมาฟ้องคดีจริงหรือไม่ จึงขอให้ทางฝ่ายโจทก์ไปดำเนินการหาพยานเอกสารมาแสดงต่อศาล และในวันนี้ทนายจำเลยทั้งสองไม่มาศาล โดยขอเลื่อนคดีโจทก์แถลงว่าไม่คัดค้านและโจทก์จะไปดำเนินการหาพยานเอกสารมาแสดงต่อศาลภายในนัดหน้า
พิเคราะห์แล้วเห็นว่า เพื่อให้การวินิจฉัยคำร้องของทนายจำเลยทั้งสองได้ข้อเท็จจริงครบถ้วนและรอบด้าน จึงให้เลื่อนไปนัดพร้อมเพื่อฟังคำสั่งในวันที่ 25 ม.ค. 2564 เหตุที่นัดนาน เนื่องจากโจทก์ขอระยะเวลาไปดำเนินการหาเอกสารมาแสดงต่อศาล