ศาลจังหวัดพระนครศรีอยุธยาสั่งยกคำร้องพนักงานสอบสวนขอควบคุมตัว “เพนกวิน-รุ้ง-ไมค์” ชี้ผู้ต้องหาไม่มีพฤติการณ์หลบหนีหรือก่อเหตุร้ายประการอื่น อีกทั้งยังอยู่ระหว่างรักษาตัว ขณะที่การสอบสวนก็เสร็จสิ้นแล้ว เหลือเพียงรอความเห็นจากผู้บังคับบัญชา
วันนี้ (31 ต.ค.) เมื่อเวลา 17.14 น. เพจศูนย์ทนายความเพื่อสิทธิมนุษยชน ได้โพสต์ข้อความรายงานความคืบหน้ากรณีพนักงานสอบสวน สภ.พระนครศรีอยุธยา ยื่นคำร้องต่อศาลจังหวัดพระนครศรีอยุธยาขอควบคุมตัวนายพริษฐ์ ชิวารักษ์ หรือเพนกวิน นายภาณุพงศ์ จาดนอก หรือไมค์ และ น.ส.ปนัสยา สิทธิจิรวัฒนกุล หรือรุ้ง ผู้ต้องหาคดีจัดการชุมนุมในพื้นที่ว่า พ.ต.ต.กัมพล อินทีวงศ์ พนักงานสอบสวน สภ.พระนครศรีอยุธยา ได้ยื่นคำร้องขอให้ศาลมีคำสั่งควบคุมตัวทั้ง 3 คน โดยระบุในคำร้องว่าจากเมื่อวันที่ 31 ต.ค. 63 เวลา 03.30 น. ตำรวจกองสืบสวน สภ.พระนครศรีอยุธยา ได้จับกุมเพนกวินและรุ้ง ผู้ต้องหาที่ 1 และ 3 ที่ สน.ประชาชื่น และในเวลา 06.00 น. ได้จับกุมไมค์ ผู้ต้องหาที่ 2 ที่โรงพยาบาลพระราม 9
ทั้ง 3 ถูกกล่าวหาด้วย 2 ข้อกล่าวหา คือ ตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 116 และ ใช้เครื่องขยายเสียงโดยไม่ได้รับอนุญาต จากการปราศรัยในการชุมนุม “อยุธยาจะไม่ทนอีกต่อไป” เมื่อวันที่ 21 ส.ค. 63
พนักงานสอบสวนได้แสดงหมายจับให้ผู้ต้องหาทั้ง 3 ดู และผู้ต้องหาทั้งสามเป็นบุคคลตามหมายจับ พนักงานสอบสวนจึงได้จับกุมและควบคุมตัวระหว่างการสอบสวน กระทั่งการสอบสวนได้เสร็จสิ้น แต่พนักงานสอบสวนยังไม่สามารถส่งสำนวนการสอบสวนไปยังพนักงานอัยการได้ เนื่องจากเป็นวันหยุดราชการ และระยะเวลาการควบคุมตัวจะครบ 48 ชั่วโมง ในวันที่ 2 พ.ย. 63 ซึ่งเป็นวันหยุดราชการ โดยการสอบสวนเสร็จสิ้นแล้ว แต่สำนวนการสอบสวนอยู่ระหว่างเสนอผู้บังคับบัญชาผู้มีอำนาจพิจารณาลงความเห็น จึงยังไม่สามารถส่งสำนวนการสอบสวนไปยังพนักงานอัยการได้ พนักงานสอบสวนจึงขอศาลมีคำสั่งควบคุมตัวผู้ต้องหาทั้งสามไว้ ระหว่างรอส่งสำนวนการสอบสวนไปยังพนักงานอัยการ
ทั้งนี้ เนื่องจากผู้ต้องหาทั้งสามอยู่ระหว่างรับการรักษาจากแพทย์ที่โรงพยาบาลพระราม 9 จึงยังไม่ได้นำตัวมาศาลในวันนี้ อีกทั้งหากผู้ต้องหาทั้งสามยื่นขอประกันตัว พนักงานสอบสวนขอคัดค้านการปล่อยตัวชั่วคราว เนื่องจากมีพฤติการณ์อันน่าเชื่อว่าหากปล่อยตัวไป ผู้ต้องหาทั้งสามจะไปก่อความไม่สงบเรียบร้อยในบ้านเมือง ด้านทนายความได้คัดค้านการขอควบคุมตัวดังกล่าว โดยให้เหตุผลว่าเนื่องจากหมายจับสิ้นผลแล้ว
ไม่มีความจำเป็นต้องคุมตัว และผู้ต้องหาได้รับบาดเจ็บ
ต้อมาเวลา 13.53 น. ศาลจังหวัดพระนครศรีอยุธยาได้ไต่สวนเพื่อคัดค้านคำร้องขอควบคุมตัวของพนักงานสอบสวน ซึ่งทนายความของทั้งสามคนได้ยื่นไว้ โดยมีเนื้อหาคำร้องคัดค้านโดยสรุปว่า ผู้ต้องหาทั้งสามได้ปรากฏต่อหน้าพนักงานสอบสวนผู้ยื่นคำร้องแล้ว ที่กองบังคับการตำรวจตระเวนชายแดนภาค 1 และพนักงานสอบสวน สภ.พระนครศรีอยุธยาได้แจ้งข้อกล่าวหาต่อผู้ต้องหาทั้งสามและได้ทำการสอบคำให้การเสร็จ พิมพ์ลายพิมพ์นิ้วมือ ครบถ้วน ผู้ต้องหาทั้งสามได้ให้การปฏิเสธตลอดข้อกล่าวหา กระบวนการดังกล่าวย่อมถือว่าได้ดำเนินการตามหมายจับแล้ว หมายจับย่อมสิ้นผลไปตามกฎหมาย ปรากฏข้อเท็จจริงชัดเจนแล้วว่าพนักงานสอบสวนไม่มีเหตุผลหรือความจำเป็นใดที่จะต้องฝากขังผู้ต้องหาไว้ต่อศาล พฤติการณ์ที่ผู้ต้องหาถูกกล่าวหาตามคำร้อง ชัดแจ้งว่าข้อกล่าวหาที่กล่าวหานี้ ก็เพียงแต่เกี่ยวกับเรื่องการใช้เสรีภาพในการชุมนุม โดยเป็นการชุมนุมที่สงบ ปราศจากอาวุธ ซึ่งได้รับการรับรองไว้ตามรัฐธรรมนูญ ผู้ต้องหายังเป็นเพียงนักศึกษา และมีภูมิลำเนาอยู่คนละที่เกิดเหตุ ไม่ได้มีอิทธิพลหรือความสามารถที่จะไปยุ่งเกี่ยวกับพยานหลักฐานได้ พยานหลักฐานในคดีนี้ก็อยู่ในความดูแลของพนักงานสอบสวนแล้วทั้งสิ้น ผู้ต้องหาจึงไม่อาจยุ่งเกี่ยวกับพยานหลักฐานใดๆ ได้อีก จึงไม่มีความจำเป็นอันใดที่จะต้องเอาตัวผู้ต้องหาไว้ในอำนาจศาล
ในคำร้องคัดค้านของทนายความยังได้ระบุถึงอาการเจ็บป่วยของนายภาณุพงศ์ จาดนอก ที่มีอาการหัวใจเต้นผิดปกติ อ่อนเพลีย จนเป็นลม, นายพริษฐ์ ชิวารักษ์ ได้รับบาดเจ็บกระจกบาดทั่วร่างกาย และกระจกเข้าในหู และ น.ส.ปนัสยา สิทธิจิรวัฒนกุล มีอาการอ่อนเพลีย หากทั้งสามต้องอยู่ในความควบคุมระหว่างการสอบสวนของพนักงานสอบสวน ย่อมจะเป็นการควบคุมตัวที่เกินจำเป็น
สำหรับการนำตัวผู้ต้องหามาฝากขังในครั้งนี้ หากพนักงานสอบสวนเกรงว่าผู้ต้องหาจะไปใช้เสรีภาพร่วมหรือทำกิจกรรมใดต่อไปในอนาคตอันเป็นการฝ่าฝืนต่อกฎหมาย พนักงานสอบสวนหรือ เจ้าหน้าที่รัฐก็สามารถที่จะใช้อำนาจในการจับกุม ออกหมายเรียก หรือดำเนินการตามกฎหมายได้เป็นคดีอื่นอยู่แล้ว ไม่มีความจำเป็นที่จะต้องควบคุมผู้ต้องหาไว้ในคดีนี้ เพราะเป็นเสมือนการใช้ดุลพินิจพิจารณาไว้ในอนาคตแล้วว่าการทำกิจกรรมนั้นๆ เป็นสิ่งที่ผิดกฎหมาย อันเป็นการคาดการณ์ล่วงหน้าของพนักงานสอบสวนเอง
ต่อมาเวลา 16.42 น. ศาลจังหวัดพระนครศรีอยุธยามีคำสั่งยกคำร้องของพนักงานสอบสวน ที่ขอควบคุมตัวทั้งสามคน ระบุข้อเท็จจริงได้ความว่าพนักงานสอบสวนผู้ร้องได้สอบสวนเสร็จแล้วเหลือเพียงขั้นตอนความเห็นจากผู้บังคับบัญชาซึ่งพยานได้ให้การว่าสามารถดำเนินการได้โดยไม่ต้องควบคุมตัวผู้ต้องหา ทั้งยังไม่ปรากฏพฤติการณ์ว่าจะหลบหนีหรือไปก่อเหตุร้ายอันตรายประการอื่น อีกทั้งผู้ต้องหายังมีอาการป่วยและรักษาตัวอยู่ที่โรงพยาบาลจึงไม่มีเหตุจำเป็นในการควบคุมตัว มีคำสั่งยกคำร้องขอควบคุมตัว