xs
xsm
sm
md
lg

“สมศักดิ์” แจงคดียึดไม้แปรรูปเถื่อนจากเครือข่ายยาเสพติด มอบราชทัณฑ์นำไปใช้ฝึกอาชีพนักโทษเพิ่มมูลค่าจากเฟอร์นิเจอร์

เผยแพร่:   โดย: ทีมข่าวอาชญากรรม



MGR Online - ก.ยุติธรรม” ร่วม “ดีเอสไอ-กรมป่าไม้” แถลงยึดไม้หวงห้ามจากเครือข่ายยาเสพติด มูลค่า 160 ล้านบาท ยันเอาไปขายต่อไม่ได้ ต้องนำไปใช้ประโยชน์ เผยเดือน ต.ค. ขยายผลยึดทรัพย์เครือข่ายยาเสพติดได้ 15 ล้าน

วันนี้ (21 ต.ค.) เวลา 10.00 น. ณ บริเวณหน้าห้องประชุมกระทรวงยุติธรรม 1 ชั้น 9 อาคารราชบุรีดิเรกฤทธิ์ ศูนย์ราชการเฉลิมพระเกียรติฯ นายสมศักดิ์ เทพสุทิน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม (รมว.ยธ.) เป็นประธานการแถลงข่าวภายใต้ “ยุทธการพิทักษ์ไทย ยึดทรัพย์ ตัดวงจรยาเสพติด ครั้งที่ 6/2563” โดยมี พ.ต.ท.กรวัชร์ ปานประภากร อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) นายอายุตม์ สินธพพันธุ์ อธิบดีกรมราชทัณฑ์ นายเฉลิมชัย ปาปะทา ผู้ตรวจราชการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม และ นายวิชัย ไชยมงคล เลขาธิการ ป.ป.ส. ร่วมแถลงผลการจับกุมเครือข่ายยาเสพติดและยึดไม้แปรรูปผิดกฎหมาย มูลค่า 160 ล้านบาท

นายสมศักดิ์ กล่าวว่า สืบเนื่องเมื่อเดือน ส.ค. 63 ดีเอสไอ ได้ทำการตรวจค้นบ้าน นายสาธิต วิยาภรณ์ เครือข่ายขบวนการยาเสพติด ผู้ต้องหาตามหมายค้นศาลอาญา 594/2563 ซึ่งขณะนี้เสียชีวิตไปแล้ว ที่บ้านใน ต.คลองมะเดื่อ อ.กระทุ่มแบน จ.สมุทรสาคร เพื่อบังคับใช้กฎหมายตาม พ.ร.บ.มาตรการในการปราบปรามผู้กระทำความผิดเกี่ยวกับยาเสพติด พ.ศ. 2534 ซึ่งการตรวจค้นได้พบไม้พะยูง ไม้ชิงชัน และไม้อื่นๆ จำนวนมาก จึงได้อายัดไว้ตรวจสอบแยกสำนวนเป็นอีก 1 คดี ต่อมาได้ประสาน กรมป่าไม้ เข้าตรวจสอบและแจ้งผลว่า มีไม้หวงห้ามเป็นไม้แปรรูปและไม้ท่อนไว้ในครอบครองโดยไม่มีหลักฐานที่มา ดังนี้ 1. ไม้พะยูง แปรรูป 409 แผ่น ปริมาตร 49.21 ลูกบาศก์เมตร 2. ไม้ชิงชัน 1,207 แผ่น ปริมาตร 26.16 ลูกบาศก์เมตร 3. ไม้สัก 170 แผ่น ปริมาตร 2.18 ลูกบาศก์เมตร และ 4. ไม้มะค่าโมง 17 แผ่น ปริมาตร 0.71 ลูกบาศก์เมตร ประเมินมูลค่าประมาณ 160 ล้านบาท ซึ่งมีความผิดตาม พ.ร.บ.ป่าไม้ พ.ศ. 2484 มาตรา 69 ฐานมีไว้ครอบครองซึ่งไม้หวงห้ามอันมิได้แปรรูป โดยไม่มีตราค่าหลวง หรือรอยตรารัฐบาลขาย และ มาตรา 73 ห้ามมิให้แปรรูปไม้ ตั้งโรงงาน ตั้งโรงค้าไม้แปรรูป มีไม้สัก ไม้ชิงชัน ไม้พะยูงแปรรูปไว้ในครอบครอง หรือมีไม้แปรรูปชนิดอื่นเป็นจำนวนเกิน 0.20 ลูกบาศก์เมตร ไว้ในครอบครอง

นายสมศักดิ์ กล่าวอีกว่า คดีครอบครองไม้หวงห้ามโดยฝ่าฝืนกฎหมายนั้นเจ้าหน้าที่เตรียมดำเนินการขยายผลหาผู้เกี่ยวข้อง ตั้งแต่ต้นทางการลำเลียงไม้ผิดกฎหมายว่ามาจากที่ใดเบื้องต้นคาดว่าอาจมาจากทางภาคตะวันออกเฉียงเหนือ แต่ไม่ทราบแหล่งที่มาชัดเจน ซึ่งไม้ดังกล่าวมีเป็นจำนวนมากคงไม่ได้เก็บไว้เอง พร้อมขยายผลเส้นทางการเงินควบคู่กันเพื่อหาผู้กระทำผิดต่อไป ทั้งนี้ ได้มีการสอบปากคำผู้ใกล้ชิดกับผู้ต้องหาที่เสียชีวิตบางส่วนไปบ้างแล้ว

“การทำงานครั้งนี้เป็นการบูรณาการร่วมกันระหว่าง กระทรวงยุติธรรม และกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ซึ่งเป็นหนึ่งในนโยบายของนายกรัฐมนตรีที่ต้องการให้ทุกกระทรวงทำงานร่วมกันเพื่อให้งานออกมามีประสิทธิภาพ การจับกุมและยึดไม้ในครั้งนี้เป็นการขยายผลยึดทรัพย์จากคดียาเสพติด โดยไม้ที่ยึดมาได้เหล่านี้ เราจะนำไปขายต่อไม่ได้ แต่สามารถนำไปใช้ประโยชน์กับทางราชการได้ โดยทาง กรมป่าไม้ ได้ทำเอ็มโอยู ร่วมกับกรมราชทัณฑ์ เพื่อนำไม้ไปให้นักโทษใช้ในการฝึกอาชีพ นำไม้ไปแปรรูปเป็นผลิตภัณท์ต่างๆ ได้ เช่น เฟอร์นิเจอร์ที่ทำจากไม้ สร้างมูลค่าเพิ่ม ทั้งนี้ หากหน่วยงานราชการอื่นๆ ต้องการนำไม้เหล่านี้ไปใช้ประโยชน์ สามารถทำหนังสือถึงกรมป่าไม้ได้เช่นกัน ซึ่งจะมีคณะกรรมการดูแลอยู่” นายสมศักดิ์ กล่าว

นายสมศักดิ์ ยังกล่าวถึงการจับกุมคดียาเสพติดที่สำคัญ ในระหว่างวันที่ 1-20 ต.ค. 2563 ว่า มีการจับกุมคดีสำคัญ 7,059 คดี ผู้ต้องหา 7,378 คน โดยยึดของกลาง อาทิ ยาบ้ากว่า 10 ล้านเม็ด ไอซ์ 996 กิโลกรัม เฮโรอีน 401.53 กิโลกรัม กัญชา 8.99 กิโลกรัม และ คีตามีน 200 กิโลกรัม อีกทั้ง ยังขยายผลอายัดทรัพย์สินเพิ่มได้อีก 51 ราย เป็นเงินกว่า 15 ล้านบาทเศษ โดยจำแนกเป็นกลุ่มเครือข่ายสำคัญ 6 เครือข่าย ได้แก่ เครือข่ายชาวเขาและชนกลุ่มน้อย 4 คดี เครือข่ายพื้นที่ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ 13 คดี เครือข่าย กทม.และปริมณฑล 4 คดี พื้นที่ภาคใต้ 3 คดี เจ้าหน้าที่รัฐ 1 คดี และเครือข่ายระหว่างประเทศ 2 คดี โดยมีคดีที่น่าสนใจ เช่น วันที่ 12 ต.ค. ป.ป.ส. จับกุมผู้ต้องหา 1 คนในพื้นที่ อ.เต่างอย จ.สกลนคร ยึดของกลางไอซ์ 500 กิโลกรัม และ วันที่ 13 ต.ค. อ.เมือง จ.หนองคาย จับผู้ต้องหา 1 ราย ยึดไอซ์ได้ 496 กิโลกรัม ยาบ้า 1.8 ล้านเม็ด




กำลังโหลดความคิดเห็น