MGR Online - ผบช.ไซเบอร์คนแรก แสดงวิสัยทัศน์ ขอเวลา 1 ปี ลุยปราบอาชญากรรมออนไลน์ทุกรูปแบบ
วันนี้ (12 ต.ค.) พล.ต.ท.กรไชย คล้ายคลึง ผู้บัญชาการตำรวจสืบสวนสอบสวนอาชญากรรมทางเทคโนโลยี (ผบช.สอท.) แถลงนโยบายการขับเคลื่อนการดำเนินงานและวิสัยทัศน์ของกองบัญชาการตำรวจสืบสวนสอบสวนอาชญากรรมทางเทคโนโลยี โดยมีท่านเจ้าคุณพระญาณวิกรม (พระอาจารย์อุเทน สิริสาโร) เจ้าอาวาสวัดท่าไม้ ให้พรเพื่อความเป็นสิริมงคลกับคณะเจ้าหน้าที่ตำรวจในสังกัด
พล.ต.ท.กรไชย กล่าวว่า บช.สอท.นับเป็นกองบัญชาการแรกของประเทศไทย ที่จะมุ่งหน้าปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยี ซึ่งเป็นเรื่องสำคัญยิ่งในปัจจุบัน หน้าที่หลักคือ การปกป้องเยาวชน ประชาชน และสังคมไทยให้เกิดความเชื่อมั่นและเป็นที่ศรัทธา ภายใต้หลัก 5 ป. คือ 1. ป้องกันอาชญากรรมทางเทคโนโลยีทั่วราชอาณาจักรอย่างมีประสิทธิภาพ 2. ปราบปรามด้วยสมรรถนะที่สูงยิ่ง 3. ปฏิบัติการบูรณาการข้อมูลข่าวสารอย่างมีระบบ 4. เปิดเผยผลงานสู่สาธารณะและเชื่อมโยงภาครัฐอย่างมีธรรมาภิบาล และ 5. ปฏิรูปการสืบสวนสอบสวนเพื่อคุณภาพชีวิตของประชาชน
“ในอดีตผมเป็นนักกีฬารักบี้ฟุตบอล และได้นำมาเป็นส่วนหนึ่งของการบริหารงาน คือ ทุกคนไปด้วยกัน เล่นด้วยกัน ไม่มีใครเก่งกว่าใคร ผมเป็นเหมือนหัวหน้าทีมที่จะนำนักกีฬาทั้ง 7 กองบังคับการในการรับผิดชอบคดีอาญาทุกรูปแบบทั่วประเทศ ผมจะสู้และทำงานด้วยจิตใจที่มุ่งมั่น ทุ่มเทสติปัญญาให้กับองค์กรนี้ ตามคติขององค์กรคือ ไซเบอร์คอป แอนตี้ไซเบอร์ไครม์”
พล.ต.ท.กรไชย กล่าวต่อไปว่า สำหรับความแตกต่างในการทำงานระหว่างกองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับอาชญากรรมทางเทคโนโลยี (บก.ปอท.) กับ บช.สอท.ในระหว่าง 6 เดือนนี้ บก.ปอท.จะยังคงรับผิดชอบคดีเกี่ยวกับเทคโนโลยีอยู่ และเพิ่มภารกิจถวายความปลอดภัย จากนั้นเราจึงจะเริ่มรับผิดชอบดูแลคดีอาญาทุกประเภททั่วประเทศ โดยเฉพาะการป้องกันปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยี เช่น หมิ่นประมาท ข่มขู่คุกคาม สื่อลามก เฟกนิวส์ การพนันออนไลน์ การขายของผิดกฎหมาย การดักรับข้อมูล รวมถึงโรแมนซ์สแกม เป็นคดีที่อุกฉกรรจ์โดยร่วมมือกับกระทรวงดิจิตอลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม (ดีอีเอส) และนานาชาติ 10 ประเทศ เช่น ออสเตรเลีย ซึ่งเป็นเจ้าของระบบไครม์ที่ตำรวจไทยใช้อีกด้วย
ผบช.สอท. กล่าวว่า ข้อจำกัดในตอนนี้ คือ 1. ความจำเป็นในการคัดสรรบุคคลเข้ามาทำงาน ตอนนี้มีตำรวจ 333 นาย ภายในเดือนแรกเราจะสร้างการรับรู้วิทยาการใหม่ และภายใน 3 เดือน จะสืบค้นข้อมูลทางอินเทอร์เน็ตต่างๆ หลังจากนั้นภายใน 6 เดือน จะเริ่มรับแจ้งความผ่านทางโทรศัพท์มือถือ หรือ วิดีโอคอล โดยจะพิจารณาความผิดเป็นบางคดี หากเข้าข่ายก็จะให้การช่วยเหลือ แต่บางคดี เช่น การแฮกข้อมูลหรือหลอกโอนเงิน ท้องที่สามารถดำเนินการเองได้ แต่หากไม่มีวิทยาการ เราจะช่วยเหลือแล้วมอบงานกลับไป ให้ทำแล้วเสร็จใน 15 วัน
จากนั้นใน 1 ปี จะรับแจ้งความอย่างสมบูรณ์แบบทุกคดี ทุกเรื่อง และ 2. ยังมีข้อจำกัดด้านเครื่องมือและอุปกรณ์ เนื่องจาก บช.สอท.ได้ก่อตั้งขึ้นภายหลังการพิจารณางบประมาณ จึงประสานดีอีเอสพิจารณาของบไปเเล้ว
อย่างไรก็ตาม ในอนาคต บช.สอท.จะมีกองบังคับการต่างๆ ตั้งอยู่ทั่วประเทศ อาทิ ภาคกลาง กทม. ภาคตะวันออก จ.ชลบุรี ภาคอีสาน จ.ขอนแก่น ภาคเหนือ จ.เชียงใหม่ และ ภาคใต้ จ.สุราษฎร์ธานี เพื่อรองรับในการร้องทุกข์ของประชาชน