MGR Online - “บิ๊กแป๊ะ” แถลงข่าวทิ้งทวน จับกุมโจรชิงทรัพย์ร้านทองเยาวราช ห้างโลตัส วังหิน กวาดทองคำน้ำหนัก 216.5 บาท มูลค่ากว่า 6 ล้านบาท พบประวัติก่อคดีโชกโชน
วันนี้ (30 ก.ย.) ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ตร.) พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา ผบ.ตร. พล.ต.อ.สุวัฒน์ แจ้งยอดสุข รอง ผบ.ตร. พล.ต.ท.ภัคพงศ์ พงษ์เภตรา ผบช.น. พล.ต.ต.อิทธิพล อัจฉริยะประดิษฐ์ รอง ผบช.น. และ พล.ต.ต.สันติ ชัยนิรามัย ผบก.สส.บช.น. ร่วมกันแถลงจับกุม นายชัยมงคล ใจบุญอุปถัมภ์ อายุ 38 ปี ทำหน้าที่ลงมือก่อเหตุ น.ส.จันดา หรือน้อย จันทร์โศก ชาวลาว อายุ 24 ปี ซึ่งทำหน้าที่ดูต้นทางและพาหนี ผู้ต้องหาตามหมายจับศาลอาญาที่ 1483-1484/2563 ลงวันที่ 29 ก.ย.ในฐานความผิดร่วมกันชิงทรัพย์โดยทำอันตรายสิ่งกีดกั้นสำหรับคุ้มครองบุคคลหรือทรัพย์หรือโดยผ่านสิ่งเช่นว่านั้นเข้าไปด้วยประการใดๆ โดยมอบหน้าที่หรือทำด้วยประการอื่นเพื่อไม่ให้เห็นหรือจำหน้าได้ใช้อาวุธปืนใช้ยานพาหนะเพื่อกระทำผิดเพื่อการพาทรัพย์นั้นไปหรือเพื่อให้พ้นจากการจับกุมและมีอาวุธปืนโดยไม่ได้รับอนุญาต, พาอาวุธปืนติดตัวไปในเมืองหมู่บ้านหรือทางสาธารณะโดยไม่ได้รับอนุญาต จับกุมนายชัยมงคลได้ที่บ้านเลขที่ 223 หมู่ 8 ต.ห้วยพิชัย อ.ปากชม จ.เลย เมื่อวันที่ 29 ก.ย.เวลา 16.30 น. พร้อมของกลางสร้อยคอทองคำ จำนวน 1 เส้น น้ำหนัก 38.3 กรัม ส่วน น.ส.จันดาจับกุมได้ในพื้นที่ จ.หนองคาย พร้อมของกลางสร้อยคอทองคำจำนวน 3 เส้น น้ำหนักรวม 331.7 กรัม
พล.ต.ต.สันติกล่าวว่า วันที่ 27 ก.ย.เวลาประมาณ 10.30 น. เกิดเหตุคนร้ายเป็นชายไทยใช้อาวุธปืนชิงทรัพย์ร้านทองเยาวราชกรุงเทพ สาขาเทสโก้โลตัส วังหิน แขวงและเขตลาดพร้าว กทม. ได้ทรัพย์สินเป็นทองรูปพรรณจำนวน 216.5 บาท รวมมูลค่ากว่า 6 ล้านบาท จากนั้นได้ขับขี่จักรยานยนต์หลบหนีไป จากการสืบสวนสอบสวนของตำรวจทราบว่าก่อนเกิดเหตุนายชัยมงคล และ น.ส.จันดา ทั้งสองเป็นสามีภรรยากัน ได้ร่วมกันวางแผนเตรียมการโดยก่อนเกิดเหตุทั้งคู่เก็บของออกจากห้องเช่าภายในซอยเสนานิคม 11 จากนั้นนายชัยมงคลได้ให้ น.ส.จันตานั่งรถแท็กซี่ไปที่ซอยเสนานิคม 1 ซอย 26 เพื่อสังเกตการณ์จุดที่จะนำจักรยานยนต์คันก่อเหตุเพื่อนำไปทิ้งไว้พร้อมกับสิ่งของพรางตัว ต่อมาในวันเกิดเหตุนายชัยมงคลได้ขี่จักรยานยนต์ยี่ห้อยามาฮ่า รุ่นทีทีเอ็กซ์ ไปยังห้างสรรพสินค้าเทสโก้โลตัส วังหิน และใช้อาวุธปืนก่อเหตุชิงทรัพย์ร้านทองเยาวราชกรุงเทพ และได้ขับขี่จักรยานยนต์หลบหนี และได้นำเอาจักรยานยนต์พร้อมด้วยเสื้อผ้าและอุปกรณ์พรางตัวไปทิ้งที่อพาร์ตเมนต์ในซอยเสนานิคม 1 ซอย 26 แล้วเดินทางไปพบกันที่สถานีขนส่งหมอชิต เพื่อแบ่งทองที่ได้มาจากการชิงทรัพย์ ก่อนแยกย้ายเพื่อหลบหนี
พล.ต.ต.สันติกล่าวว่า นายชัยมงคลได้ขึ้นรถโดยสารจากสถานีขนส่งหมอชิตไปยัง จ.เลย เพื่อเตรียมที่จะเดินทางหลบหนีไปยังประเทศเพื่อนบ้านโดยผ่านทางช่องทางธรรมชาติ ส่วน น.ส.จันดาได้เดินทางจากสถานีขนส่งหมอชิต เพื่อนำทองรูปพรรณจำนวนหนึ่งใส่ไว้ในพัดลมตั้งพื้นไปฝากไว้กับนายสุริยันต์ หรือมอส นิลบรรพต อายุ 37 ปี ในพื้นที่ จ.นครปฐม โดยนายสุริยันต์ได้นำทองดังกล่าวไปซุกซ่อนไว้ในบ้านพัก หลังจากนั้น น.ส.จันดาได้เดินทางด้วยรถไฟจากกรุงเทพมหานครไปยัง จ.หนองคาย เพื่อเตรียมที่จะเดินทางหลบหนีไปยังประเทศเพื่อนบ้าน
“เจ้าหน้าที่ยังได้เข้าตรวจสอบบ้านพักของนายสุริยันต์ ในพื้นที่ อ.สามพราน จ.นครปฐม พบทองคำรูปพรรณ จำนวน 22 เส้น น้ำหนักรวม 1,247.8 กรัม โดยนายสุริยันต์รับสารภาพว่าเมื่อวันที่ 27 ก.ย.เวลาประมาณ 14.30 น. นายชัยมงคลได้ติดต่อตนว่าจะนำเงินที่ติดไว้มาคืนให้ โดยนัดหมายกันบริเวณสะพานลอยหน้าห้างสรรพสินค้าบิ๊กซี นครปฐม เมื่อถึงเวลานัดหมาย น.ส.จันดาเป็นผู้นำพัดลมตั้งพื้นมาส่งมอบให้ เมื่อกลับถึงที่พักได้ตรวจสอบภายในพัดลมดังกล่าวพบมีทองคำรูปพรรณ และอาวุธปืนซ่อนอยู่ภายใน จึงได้นำอาวุธปืนไปทิ้งน้ำที่คลองใกล้บ้านพัก และนำทองรูปพรรณไปซุกซ่อนไว้ภายในตู้ลำโพงในโรงงานแห่งหนึ่งใน อ.สามพราน จ.นครปฐม กระทั่งเจ้าหน้าที่ตำรวจมาตรวจสอบพบจึงได้ทำการตรวจยึดทองรูปพรรณดังกล่าว เบื้องต้นดำเนินคดีต่อนายสุริยันต์ในความผิดฐานรับของโจร อีกทั้งตำรวจยังได้ทำการตรวจยึดจักรยานยนต์ที่ใช้ก่อเหตุไว้ซึ่งถูกกลุ่มผู้ต้องหาพ่นสีทับ” ผบก.สส.บช.น.กล่าว
พล.ต.ต.สันติกล่าวว่า จากการตรวจสอบพบว่านายชัยมงคลเคยก่อเหตุชิงทรัพย์ร้านทองโต๊ะกังเยาวราช สาขาห้างบิ๊กซี นวนคร ต.คลองหนึ่ง อ.คลองหลวง จ.ปทุมธานี เมื่อวันที่ 25 มี.ค. 2562 เวลาประมาณ 10.20 น. และถูกตำรวจจับกุมแล้ว หลังจากพ้นโทษได้ร่วมกับพวกก่อเหตุปล้นทรัพย์ร้านทองแม่ทองพูล ชั้น 2 ห้างสรรพสินค้าบิ๊กซี ขอนแก่น เมื่อวันที่ 26 ก.ค. 2563 เวลาประมาณ 19.25 น. และยังเป็นบุคคลตามหมายจับของศาลจังหวัดขอนแก่น ที่ 227/2562 ลงวันที่ 27 ก.ค. 2563 โดยกล่าวหาว่ากระทำผิดฐานร่วมกันชิงทรัพย์โดยมีอาวุธ และอยู่ระหว่างหลบหนี จนกระทั่งมาก่อเหตุในครั้งนี้และถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจจับกุมตัวได้ดังกล่าว จากแผนประทุษกรรมพบว่าคนร้ายร่วมกันทำงานเป็นทีม มีการแบ่งหน้าที่กันทำ พฤติกรรมของคนร้ายจะเลือกร้านที่สามารถเข้าถึงเคาน์เตอร์ได้เลย
ด้าน พล.ต.อ.จักรทิพย์กล่าวว่า คดีนี้คนร้ายมีการวางแผนมาตั้งแต่แรก ขณะนี้ยังอยู่ระหว่างการขยายผลว่าจะมีใครเข้ามาเกี่ยวข้องอีกหรือไม่ ตำรวจอยากจะบอกวิธีการขั้นตอนที่คนร้ายทำอย่างละเอียดอยากตอบทุกคำถามเพื่อให้ประชาชนได้รับรู้ แต่ไม่สามารถทำได้ แม้กระทั่งจะนำตัวผู้ต้องหามาปรากฎยังทำไม่ได้เลย
“มาตรการดูแลร้านทองเราพูดกันมาตลอด ว่าให้หาสิ่งป้องกันตัวเองไว้ด้วยส่วนหนึ่ง ดังนั้นต้องช่วยกันดูแลตัวเอง เชื่อฟังเจ้าหน้าที่เวลาเชิญมาประชุมหารือควรจะเข้ามาร่วมฟังด้วย อย่าไปคิดว่าอยู่ในห้างแล้วจะไม่มีอะไร ที่ผ่านมาสังเกตุดูจะโดนในห้างทั้งนั้นเลย ที่ผ่านมาเราได้มีการออกมาตรการต่างๆ ไปถึงสมาคมร้านทองด้วยซ้ำ แผนประทุษกรรมของคนร้ายก็เดิมๆ เพียงแต่อาจจะมีบางอย่างเปลี่ยนไป ผมเชื่อว่าตำรวจฉลาดกว่าโจร เพียงแต่คนร้ายลงมือทำก่อนเท่านั้นเอง ถ้าเขารู้มากกว่าเราเราคงตามจับเขาไม่ได้หรอก” ผบ.ตร.ระบุ