“ข่าวลึกปมลับ” ออกอากาศทาง NEWS1 ล้วงปมลึก คลายปมลับ ตีแผ่ประเด็นร้อน กับ นพรัฐ พรวนสุข บก.ข่าวการเมือง และกระบวนการยุติธรรม วันพุธที่ 23 กันยายน 2563 ตอน เลือกตั้งซ่อม “เมืองไอ้ไข่” ศึกสายเลือด “พรรคร่วมรัฐบาล”
เรื่องใหญ่ของพรรคประชาธิปัตย์ ที่จะต้องออกศึกเลือกตั้งซ่อม กรณี เทพไท เสนพงศ์ ส.ส.นครศรีธรรมราช พรรคประชาธิปัตย์ และนายมาโนช เสนพงศ์ น้องชาย อดีตนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัด (อบจ.) นครศรีธรรมราช ถูกศาลพิพากษาจำคุกรายละ 2 ปี ตัดสิทธิทางการเมืองรายละ 10 ปี กรณีทุจริตการเลือกตั้งนายก อบจ.นครศรีธรรมราช เมื่อปี 2556-2557
ไม่กี่วันที่ผ่านมา ศาลรัฐธรรมนูญ ชี้ขาดลงมาแล้วว่า เทพไทต้องหยุดปฏิบัติหน้าที่ ส.ส. แม้คดีในทางอาญาจะยังไม่สิ้นสุด เพราะในรัฐธรรมนูญ มาตรา 98 (4) ที่เกี่ยวกับลักษณะต้องห้ามไม่ให้ใช้สิทธิสมัครรับเลือกตั้งระบุว่า ถ้าขาดคุณสมบัติตามมาตรา 96 (2) ที่ระบุว่าอยู่ระหว่างถูกเพิกถอนสิทธิเลือกตั้ง ไม่ว่าคดีนั้นจะถึงที่สุดแล้วหรือไม่ก็จะต้องพ้นด้วย
เมื่อเทพไทต้องหลุดจากเก้าอี้ ส.ส. เป็นเหตุให้มีการเลือกตั้งซ่อม ส.ส.นครศรีธรรมราช เขต 3 กันใหม่ ซึ่งจะถือเป็นครั้งแรกที่คนของพรรคประชาธิปัตย์ต้องถูกตัดสิทธิ์ และพรรคต้องเข้าสู่การเลือกตั้งซ่อม เพื่อทวงแชมป์คืนเป็นครั้งแรกเช่นกัน
โดยการเลือกตั้งซ่อม 5 ครั้งที่ผ่านมา เป็นชัยชนะของฝ่ายรัฐบาลทั้งหมด และเมื่อแยกย่อย มีเพียงสนามเลือกตั้งซ่อมเดียวที่พรรคประชาธิปัตย์มีส่วนร่วม คือ การเลือกตั้งซ่อมครั้งแรกที่ เขต 5 จ.นครปฐม แทน จุมพิตา จันทรขจร ที่ประสบอุบัติเหตุ จนไม่สามารถปฏิบัติหน้าที่ ส.ส.ได้ จนต้องลาออก
สนามเขต 5 จ.นครปฐมนี้ ผลการเลือกตั้งเมื่อวันที่ 24 มีนาคม 2562 จุมพิตา ได้ถึง 34,164 คะแนน เรียกว่า ทิ้งขาดอันดับ 2 อย่าง สุรชัย อนุดธโต จากพรรคประชาธิปัตย์ ที่ได้เพียง 18,970 คะแนน ระวัง เนตรโพธิ์แก้ว จากพรรคพลังประชารัฐ 18,741 คะแนน และเผดิมชัย สะสมทรัพย์ พรรคชาติไทยพัฒนา : 12,279 คะแนน
สนามนี้ก่อนเลือกตั้งซ่อมมีปัญหานิดหน่อย เพราะกติกาเดิมของพรรคร่วมรัฐบาลจะไม่ส่งผู้สมัคร ส.ส.ลงตัดคะแนนกันเอง โดยจะให้สิทธิ์ผู้ที่มีคะแนนมากเป็นอันดับ 2 ลงท้าชิงกับแชมป์เก่า
แต่ปรากฏว่า เผดิมชัย ซึ่งเป็น ส.ส.เขตนี้หลายสมัย ที่ได้เพียงอันดับ 4 ต้องการล้างตา และแกนนำรัฐบาลไฟเขียว ไม่ห้ามที่จะชนกับ สุรชัย จากพรรคประชาธิปัตย์ ซึ่งทำให้พรรคประชาธิปัตย์ไม่พอใจอยู่ลึกๆ
ทว่า สุดท้ายผลการเลือกตั้งออกมาเป็น เผดิมชัย แก้หน้าได้สำเร็จ ได้ถึง 37,675 คะแนน เอาชนะ ไพรัฏฐโชติก์ จันทรขจร จากพรรคอนาคตใหม่ ซึ่งเป็นสามีของ จุมพิตา ที่ได้ 28,216 คะแนน ส่วนพรรคร่วมรัฐบาลอย่าง สุรชัย จากพรรคประชาธิปัตย์ได้อันดับ 3 เพียง 18,425 คะแนน
สนามต่อมา คือ สนามเลือกตั้งซ่อม ส.ส. เขต 7 ขอนแก่น แทน นวัธ เตาะเจริญสุข อดีต ส.ส.พรรคเพื่อไทย ที่ถูกศาลตัดสินประหารชีวิต ในคดีจ้างวานฆ่า คราวนี้พรรคร่วมรัฐบาลหลบให้กับพรรคพลังประชารัฐ ที่ได้อันดับ 2 ในการเลือกตั้งเมื่อวันที่ 24 มีนาคม 2562
โดยปล่อยให้ สมศักดิ์ คุณเงิน จากพรรคพลังประชารัฐ วัดกับ ธนิก มาสีพิทักษ์ จากพรรคเพื่อไทย ที่ถูกส่งลงมาป้องกันแชมป์แทน นวัธ ปรากฏว่า สมศักดิ์ เอาชนะไปได้ด้วยคะแนน 40,252 คะแนน ส่วน ธนิก ได้ไป 38,010 คะแนน
สนามที่ 3 เป็นการเลือกตั้งซ่อม ส.ส.เขต 2 กำแพงเพชร แทน พ.ต.ท.ไวพจน์ อาภรณ์รัตน์ อดีต ส.ส.พรรคพลังประชารัฐ ที่พ้นสมาชิกภาพ ส.ส.หลังถูกศาลตัดสินจำคุกคดีล้มการประชุมอาเซียน โดยครั้งนั้น พรรคพลังประชารัฐส่ง เพชรภูมิ อาภรณ์รัตน์ ลูกชายหัวแก้วหัวแหวน ลงมาป้องกันแชมป์แทนพ่อ
โดย เพชรภูมิ สู้กับ กัมพล ปัญกุล จากพรรคเพื่อไทย ขณะที่พรรคประชาธิปัตย์ตัดสินใจไม่ส่งผู้สมัคร สร้างความไม่พอใจให้กับ นพ.ปรีชา มุสิกุล อดีต ส.ส.กำแพงเพชรของพรรค ที่พรรคยอมหลบ จนตัดสินใจลาออก
ปรากฏว่า เพชรภูมิ สามารถเอาชนะไปได้ ด้วยคะแนน 45,687 ส่วนกัมพล ได้ไป 37,989 คะแนน
สนามที่ 4 เป็นการเลือกตั้งซ่อม ส.ส. เขต 4 ลำปาง แทน อิทธิรัตน์ จันทรสุรินทร์ ที่เสียชีวิต โดยครั้งนี้เป็นเหมือนเช่นเคย พรรคร่วมรัฐบาล ให้สิทธิพรรคพลังประชารัฐ ที่ได้คะแนนเป็นอันดับ 2 คราวก่อน ท้าชิงกับพรรคเพื่อไทย
แต่ปรากฏว่า นาทีสุดท้าย พินิจ จันทรสุรินทร์ บิดาของ อิทธิรัตน์ ตัดสินใจไม่ลงมาป้องกันแชมป์แทนลูกชาย และไม่ส่งใครลงสมัคร ทำให้พรรคเพื่อไทยหาคนลงแทนไม่ทัน ซึ่งถูกตั้งข้อสังเกตว่า เป็นการจงใจหลบให้กับพรรคพลังประชารัฐ
โดยเฉพาะ ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า รมช.เกษตรและสหกรณ์ ที่ดูแลโซนนี้ และมันก็เป็นไปตามคาด วัฒนา สิทธิวัง จากพรรคพลังประชารัฐ โกยคะแนนได้ไปถึง 61,980 คะแนน ทิ้งขาด ร.ต.ท.สมบูรณ์ กล้าผจญ จากพรรคเสรีรวมไทย ที่ได้ 37,869 คะแนน
และสนามที่ 5 เลือกตั้งซ่อม ส.ส.เขต 5 สมุทรปราการ สืบเนื่องมาจากกรณีคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ให้ใบเหลือง กรุงศรีวิไล สุทินเผือก เขตนี้ กรุงศรีวิไล ลงป้องกันแชมป์อีกครั้ง ขณะที่ฝ่ายค้านมีปัญหากัน เพราะพรรคก้าวไกลไม่ยอมหลบให้อันดับ 2 อย่างพรรคเพื่อไทย จนต้องตัดคะแนนกันเอง
เมื่อเป็นแบบนี้ กรุงศรีวิไล จึงลูบปาก กวาดคะแนนไปถึง 46,747 คะแนน ส่วน สลิลทิพย์ สุขวัฒน์ จากพรรคเพื่อไทย ได้ 21,540 คะแนน และ อิศราวุธ ณ น่าน จากพรรคก้าวไกล ได้ 19,977 คะแนน
เรียกว่า 5 ครั้ง ฝ่ายรัฐบาลชนะ 5 ครั้ง แบ่งเป็น ล้มแชมป์เก่า 2 ครั้ง และป้องกันแชมป์ได้ 3 ครั้ง
ขณะที่กรณีของ “เทพไท” ที่เขต3 นครศรีธรรมราช สนามนี้จะเป็นสนามแรกที่จะเป็นการสู้กันเองระหว่าง “พรรคร่วมรัฐบาล” อย่างพรรคประชาธิปัตย์ กับพรรคพลังประชารัฐ
โดยการเลือกตั้งเมื่อวันที่ 24 มีนาคม 2562 “เทพไท” ได้ไป 33,310 คะแนน ขณะที่อันดับ 2 “อาญาสิทธิ์ ศรีสุวรรณ” จากพรรคพลังประชารัฐ ได้ไป 28,742 คะแนน ถือว่า แพ้ไม่มาก หากมองว่า พื้นที่นี้ “ตระกูลเสนพงศ์” ครองแชมป์มาหลายสมัย
ดูแล้วครั้งนี้พรรคพลังประชารัฐ ไม่น่าจะหลบให้พรรคประชาธิปัตย์ลงมาป้องกันแชมป์แน่ เพราะถือว่า เป็นพื้นที่มีลุ้น ประกอบกับ “เทพไท” เองก็ไม่ใช่คนที่ฝ่ายนี้นิยมชมชอบสักเท่าไหร่
นอกจากนี้ พรรคพลังประชารัฐ ย่อมอยากได้ ส.ส.นครศรีธรรมราชเพิ่มอีกคน เพราะปัจจุบันมีแล้วถึง 3 คน คือ รงค์ บุญสวยขวัญ ในเขต 1 สัณหพจน์ สุขศรีเมือง ในเขต 2 และ สายัณห์ ยุติธรรม ในเขต 7
ขณะที่ตัวผู้สมัครเก่าของพรรคพลังประชารัฐในเขต 3 นี้ อย่าง “อาญาสิทธิ์” เป็นอดีตปลัดอำเภอหลายอำเภอในภาคใต้ ได้แก่ ปลัดอำเภอชะอวด 2 ครั้ง ปลัดอำเภอจุฬาภรณ์ 1 ครั้ง ปลัดอำเภอเฉลิมพระเกียรติ 1 ครั้ง
นอกจากนี้ ยังเคยเป็นเลขานุการรองผู้ว่าราชการจังหวดนครศรีธรรมราช 2 ครั้ง และนายอำเภอเฉลิมพระเกียรติ ก่อนจะลาออกมาลงสมัคร ส.ส.
“อาญาสิทธิ์” มีบ้านอยู่ในพื้นที่ อ.พระพรหม และยังได้รับการสนับสนุนจาก “พิชัย บุณยเกียรติ อดีต ส.ว.นครศรีธรรมราช และอดีตนายก อบจ.นครศรีธรรมราช ญาติของ “ชินวรณ์ บุณยเกียรติ” ส.ส.นครศรีธรรมราช พรรคประชาธิปัตย์
ตระกูลบุณยเกียรติ กับตระกูลเสนพงศ์ แม้จะอยู่กับพรรคประชาธิปัตย์ทั้งคู่ แต่ในสนามนายก อบจ.นครศรีธรรมราช คือ คู่แข่งที่สู้กันแบบเอาเป็นเอาตาย
ขณะที่พรรคประชาธิปัตย์ หากจะหาผู้สมัคร ส.ส.แทน “เทพไท” ดูแล้วยังต้องอาศัยนามสกุล “เสนพงศ์” มารับมือ ตอนนี้ “มาโนช เสนพงศ์” น้องชาย ถูกตัดสิทธิ์พร้อมกับเทพไทแล้ว ก็เหลือ พี่ชาย กับ น้องชาย ที่พอจะถูกส่งลงสมัครได้
รายแรกคือ “เชาวน์วัศ เสนพงศ์” นายกเทศมนตรีนครศรีธรรมราช ซึ่งเป็นพี่ชายของเทพไท และ “พงศ์สินธุ์ เสนพงศ์” รองนายกเทศมนตรีนครศรีธรรมราช
สนามนี้เดือดแน่ เพราะ “เทพไท” เอง ก็เป็นพวกสายแข็งในพื้นที่ ยิ่งกับพรรคพลังประชารัฐ ยิ่งไม่ยอมให้มาชนะตัวเองง่ายๆ ขืนให้พลังประชารัฐมาปักธงที่เมืองไอ้ไข่ได้ ก็เท่ากับตอกย้ำความตกต่ำของค่ายสะตอสีฟ้า สิ้นมนต์ขลังเหลือไว้แค่ชื่อพรรคเคยใหญ่