สาวร้อง “ทนายรณณรงค์” จะดูดไขมันกับโรงพยาบาลแห่งหนึ่งในซอยรัตนาธิเบศร์ 30 จ่ายเงินให้ไปก่อนทั้งหมด 189,000 บาท แต่ผลตรวจพบเกล็ดเลือดต่ำไม่สามารถรักษาดูดไขมันได้ ทางโรงพยาบาลกลับหักเงินไป 57,000 บาท ทั้งที่ไม่ได้ทำอะไรเลย
เมื่อวันที่ 16 ก.ย. 63 นางสาวเนตรชนก (ขอสงวนนามสกุล) อายุ 35 ปี เข้าร้องเรียนขอความเป็นธรรมกับนายรณณรงค์ แก้วเพ็ชร ประธานเครือข่ายรณรงค์ทวงคืนความยุติธรรมในสังคม เพื่อร้องเรียนขอความเป็นธรรม หลังตนเองได้ติดต่อขอทำการรักษาดูดไขมันที่โรงพยาบาล โดยจ่ายเงินค่ารักษาไป 189,000 บาท เมื่อตรวจสุขภาพพบว่าเกล็ดเรื่องต่ำทำไม่ได้ แต่โรงพยาบาลกับหัก 30% ตนเองรู้สึกตกใจ เพราะไม่ได้ทำอะไรเลย จึงไม่ขอรับเงิน
นางสาวเนตรชนก กล่าวอย่างหดหู่ใจว่า เมื่อวันที่ 9 ก.ค. 63 ตนเองได้ติดต่อขอทำการดูดไขมันกับโรงพยาบาลแห่งหนึ่งในซอยรัตนาธิเบศร์ 30 ถ.รัตาธิเบศร์ ต.บางกระสอ อ.เมือง จ.นนทบุรี โดยทางโรงพยาบาลคิดค่ารักษาเป็นเงิน 189,000 บาท และให้วางมัดจำ 10,000 บาท ตนเองเห็นว่า เป็นโรงพยาบาลใหญ่ มีชื่อเสียงในด้านความงาม เลยจ่ายเงินให้ไปทั้งหมด 189,000 บาท
โดยหลังจากนั้น ทางโรงพยาบาลให้ตนไปตรวจสุขภาพที่ รพ.เกษมราษฎร์ พบว่า เกล็ดเลือดต่ำ จากนั้นยังแนะนำให้ไปตรวจซ้ำอีกที่ รพ.จุฬารัตน จ.ปราจีนบุรี ตนเสียค่าตรวจเองไปเป็นเงิน 900 บาท ซึ่งผลการตรวจก็พบว่าเกล็ดเลือดต่ำจริง ไม่สามารถรักษาดูดไขมันได้ ตนก็แปลกใจว่าในเมื่อตนเองทำการรักษาไม่ได้ ทำไมทางโรงพยาบาลจึงไม่คืนเงินให้
จนกระทั่งวันนี้ช่วงสาย ได้เดินทางมาที่โรงพยาบาล เพื่อติดต่อขอรับเงินคืน แต่ทางเจ้าหน้าที่กลับนำเอกสารทำให้เซ็นรับทราบ พร้อมบอกว่าเงินที่จ่ายไปแล้วจะต้องโดนหัก 30% เหลือเงินเพียง 132,000 บาท ถูกหักไปถึง 57,000 บาท โดยตนพยายามพูดจาว่าจะริบเงินมัดจำก็ริบไป แต่ไม่ควรหักถึง 30% ทั้งๆ ที่ตนยังไม่ได้รับการรักษาอะไรเลยสักนิด รู้สึกว่ามันเอาเปรียบกันเกินไปหรือเปล่า อยากขอให้หน่วยงานที่รับผิดชอบเข้ามาช่วยเหลือด้วย
ทางด้าน ทนายรณณรงค์ กล่าวว่า กรณีนี้เป็นเรื่องของผู้บริโภคและผู้ประกอบการเกี่ยวกับกฎหมาย สคบ. ถ้าซื้อบริการนี้แล้วไม่สามารถให้บริการได้ด้วยเหตุผลเรื่องสุขภาพ ทางผู้ประกอบการมีค่าตรวจเลือดเท่าไหร่ ทางผู้ประกอบการก็หักไปที่เหลือก็คืนให้ผู้บริโภค ถ้าเอาไปโดยไม่สมเหตุสมผล ควรจะไปร้องเรียนที่สาธารณสุขจังหวัดนนทบุรี หรือ กรมสนับสนุนบริการทางการแพทย์ ให้เข้าไปตรวจสอบที่สถานบริการดังกล่าวว่าเป็นไปตามมาตรฐานของกระทรวงสาธารณะสุขหรือไม่ กรณีออกใบเสร็จต้องนำมาคิด Vat ให้กับลูกค้า เนื่องจากเป็นเรื่องของภาษีสรรพากร ทางผู้บริโภคอาจจะยื่นเรื่องไปให้กับทางหน่วยงานภาษีเข้ามาตรวจสอบเพิ่มอีกหน่วยงานหนึ่งอาจเป็นได้ ส่วนเงินที่ทางผู้ประกอบการจะยึดไว้ 30% ทางศาลจะดูว่าผู้ประกอบการมีค่าใช้จ่ายอะไรบ้างถึงมาหักเงินจำนวนมากถึง 30% นี้ แต่ถ้าผู้ประกอบการไม่สามารถอธิบายให้กับทางศาลพึงพอใจหรือเข้าใจได้ ว่ามีค่าใช้จ่ายอะไรที่เป็นรูปธรรม ศาลอาจจะสั่งคืนทั้งหมดอาจจะไม่หักเลยก็ได้ ส่วนคดีผู้บริโภคถ้าไม่ร้องเรียนจะไปฟ้องศาลเองก็ได้ไม่ต้องมีทนายความเรื่องจะไวกว่าด้วย