ข้าราชการสาวกระทรวงยุติธรรม ขับรถเบนซ์กลับบ้าน จู่ๆ เกิดไฟไหม้ห้องเครื่องกลางถนน ย่านคลองหลวง พลเมืองดีช่วยกันใช้ถังน้ำยาเคมีมาฉีดพ่น ก่อนแจ้งรถดับเพลิงเร่งให้ช่วยเหลือ โชคดีที่ไม่มีผู้บาดเจ็บ
เมื่อเวลา 19.40 น. วันที่ 14 กันยายน 2563 พ.ต.ต.วัชระพงษ์ เทียนประถัมป์ สารวัตรสอบสวน สถานีตำรวจภูธรคลองหลวง จังหวัดปทุมธานี ได้รับแจ้งมีเหตุเพลิงไหม้รถยนต์ ยี่ห้อเบนซ์ ที่ปากซอยบุญคุ้ม ในช่องทางด่วน บนถนนพหลโยธินขาออก ตำบลคลองหนึ่ง อำเภอคลองหลวง จังหวัดปทุมธานี หลังรับแจ้ง จึงรุดตรวจสอบที่เกิดเหตุ ร่วมกับเจ้าหน้าที่อาสาสมัครมูลนิธิร่วมกตัญญู และเจ้าหน้าที่อาสาจุดหงสกุล 21 เร่งให้การช่วยเหลือ ตรวจสอบในจุดเกิดเหตุ
ในที่เกิดเหตุ พบเจ้าหน้าที่อาสาจุดหงสกุล 21 พร้อมด้วยรถและเจ้าหน้าที่ดับเพลิง กำลังเร่งให้การช่วยเหลือ และชาวบ้านที่อยู่ใกล้เคียง กำลังใช้ถังเคมีดับเพลิง ที่กำลังลุกไหม้รถยนต์เก๋งยี่ห้อเบนซ์ สีบรอนซ์ทอง ทะเบียน 1 กส 225 กทม. ที่กำลังเพลิงลุกไหม้ ที่ในห้องเครื่องเกิดกลุ่มควันจำนวนมาก สร้างความแตกตื่นให้กับผู้ใช้รถบริเวณดังกล่าว ขณะที่คนขับรีบจอดรถข้างทาง ชาวบ้านที่เห็นเหตุการณ์ช่วยกันใช้ถังน้ำยาเคมีมาฉีดพ่น ก่อนเรียกรถน้ำดับเพลิงเทศบาลเมืองคลองหลวง เข้ามาระงับเพลิงอีกครั้ง โดยใช้เวลาประมาณ 15 นาที จึงควบคุมเพลิงไว้ได้ โชคดีที่ไม่มีผู้บาดเจ็บ โดยมี นางสาวรัตนาวรรณ ชะนะสาน อายุ 39 ปี สวมชุดข้าราชการ ที่ยืนให้การกับเจ้าหน้าที่ตำรวจอยู่ ในอาการตกใจ โดยไม่ขอให้ข้อมูลแต่อย่างใด ในเบื้องต้นทราบเพียงว่า เป็นเจ้าหน้าที่อยู่ สถาบันนิติวิทยาศาสตร์ กระทรวงยุติธรรม ที่ขับมาจากที่ทำงาน และกำลังจะขับรถไปบ้านพัก ที่ซอยคลองหลวง 33 ตำบลคลองหนึ่ง อำเภอคลองหลวง จังหวัดปทุมธานี
จากการสอบถามพี่ชาย คนขับรถ (สงวนชื่อและนามสกุล) บอกกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ ว่า น้องสาวทำงานอยู่สถาบันนิติวิทยาศาสตร์ กระทรวงยุติธรรม และกำลังจะกลับบ้าน เมื่อขับมามีคนขับรถจักรยานยนต์ ได้ชี้ให้น้องสาวดูที่บริเวณฝากระโปรงรถ เพราะมีไฟลุกออกมา น้องสาวจึงนำรถจอดเข้าข้างทาง ซึ่งรถคันนี้ใช้เครื่องเบนซิน น้องสาวขับรถมาจากกรุงเทพฯ และอีกประมาณ 5 กิโลเมตร ก็จะถึงบ้านแล้ว ขณะนั้นได้มีพลเมืองดีเรียก และมีกลิ่นเหม็นไหม้เข้ามาในตัวรถ ก่อนนำรถจอดข้างทาง และโทรศัพท์บอกทางญาติๆ จังหวะนั้นไฟก็ได้ลุกไหม้รถอย่างรวดเร็ว แต่ก็โชคดีที่คนขับออกมาจากตัวรถได้ทัน
ด้าน พ.ต.ต.วัชระพงษ์ เทียนประถัมป์ สารวัตรสอบสวน และเจ้าหน้าที่ตำรวจจราจร ได้ลงพื้นที่ตรวจสอบ พร้อมบันทึกภาพในที่เกิดเหตุเก็บไว้เป็นหลักฐาน เจ้าหน้าที่จึงได้เชิญตัวคนขับรถ ไปสอบสวนที่โรงพัก ส่วนสาเหตุที่เกิดเพลิงไหม้ในครั้งนี้ ต้องรอเจ้าหน้าที่พิสูจน์หลักฐาน เข้าตรวจสอบอย่างละเอียดอีกครั้ง เพื่อหาสาเหตุของการเกิดเพลิงไหม้ในครั้งต่อไป ในเบื้องต้นยังไม่ทราบสาเหตุ รถไม่ได้ใช้แก๊ส