MGR Online - รองโฆษก ตร.แจงกรณีมีคำสั่งคืนฐานะเดิมให้อดีต ผบก.ภ.จว.เลย กับพวก 5 คน ถูกกล่าวหาโกงเงินสหกรณ์ตำรวจ พร้อมให้กลับเข้ารับราชการ เหตุเพราะการสอบสวนทางวินัยไม่แล้วเสร็จภายในกำหนด ชี้ ยังคดีอาญา
วันนี้ (18 ส.ค.) พ.ต.อ.กฤษณะ พัฒนเจริญ รองโฆษก ตร. เปิดเผยถึงกรณี พล.ต.ท.จารุวัฒน์ ไวศยะ ผู้ช่วย ผบ.ตร. ปฏิบัติราชการแทน ผบ.ตร. มีคำสั่งสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ที่ 421/2563 เรื่อง ให้ข้าราชการตำรวจกลับคืนสู่ฐานะเดิม และกลับเข้ารับราชการ จำนวน 5 ราย ได้แก่ พล.ต.ต.สุทิพย์ ผลิตกุศลรัช ผบก.ภ.จ.เลย ผู้ถูกกล่าวหาที่ 1, พ.ต.อ.เฉลิมพล ยอดประทุม ผกก.อก.ภ.จ.หนองบัวลำภู ผู้ถูกกล่าวหาที่ 2, พ.ต.อ.ชยวุฒิ จันทรสบูรณ์ รอง ผบก.ภ.จ.พังงา ผู้ถูกกล่าวหาที่ 3, พ.ต.อ.อุดร ชูก้าน ผกก.(สอบสวน) กลุ่มงานสอบสวน ภ.จ.เลย ผู้ถูกกล่าวหาที่ 4, พ.ต.ท.กฤษฎา นิติพจน์ เมื่อครั้ง สว.อก.สภ.ชุมแห จ.ขอนแก่น ผู้ถูกกล่าวหาที่ 5 ว่า ขอเรียนชี้แจงประเด็นในส่วนของการดำเนินคดีทางอาญาและการดำเนินทางวินัยของข้าราชการตำรวจที่เกี่ยวข้อง จากกรณีสืบเนื่องคดีที่สังคมให้ความสนใจ เมื่อปี 2561 ที่ผ่านมา ในกรณีของประชาชนและกลุ่มข้าราชการตำรวจ ภ.จว.เลย มีหนังสือร้องเรียนขอความเป็นธรรม การทุจริตในโครงการกู้รวมหนี้ สหกรณ์ออมทรัพย์ ภ.จว.เลย
ประเด็นที่หนึ่งในส่วนของการดำเนินคดีอาญาทางคณะพนักงานสืบสวนสอบสวน ได้ดำเนินการสอบสวนเรื่อยมา กระทั่งมีความเห็นสรุปสำนวนสั่งฟ้องผู้ต้องหาหลายราย ในความผิดฐาน “ร่วมกันกู้ยืมเงินที่เป็นการฉ้อโกงประชาชน” ต่อพนักงานอัยการ โดยคดียังอยู่ในชั้นพิจารณาของพนักงานอัยการ
ประเด็นที่สอง ในส่วนของการดำเนินการทางวินัย สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ได้มีคำสั่งตั้งคณะกรรมการสอบสวน พล.ต.ต.สุทิพย์ ผลิตกุศลธัช เมื่อครั้งดำรงตำแหน่ง ผบก.ภ.จว.เลย กับพวกรวม 5 นาย กรณีถูกล่าวหาว่ากระทำความผิดวินัยอย่างร้ายแรง โดยต้องหาคดีอาญาข้อหาร่วมกันกู้ยืมเงินที่เป็นการฉ้อโกงประชาชน ตาม พ.ร.บ.การกู้ยืมเงินที่เป็นการฉ้อโกงประชาชน พ.ศ. 2527 มาตรา 4, 5 และ 12 และถูกสั่งให้ออกจากราชการไว้ก่อนแล้วนั้น
ต่อมาเมื่อวันที่ 15 ส.ค. 2563 คณะกรรมการสอบสวน ได้ดำเนินการสอบสวนเสร็จสิ้น มีความเห็นมายัง สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ซึ่งจากการพิจารณา โดยกองวินัย พบว่า ข้อเท็จจริงยังไม่เพียงพอต่อการพิจารณาสั่งการ จึงได้มีคำสั่งให้คณะกรรมการสอบสวน ทำการสอบสวนเพิ่มเติม และรวบรวมพยานหลักฐานที่เกี่ยวข้องให้ครบถ้วน โดยคณะกรรมการสอบสวนได้ดำเนินการรวบรวมพยานหลักฐานเรื่อยมาโดยตลอด หากแต่การสอบพยานบุคคลยังไม่เสร็จสิ้น
“ซึ่งการพิจารณาสั่งการดังกล่าว ล่วงเลยตามกรอบระยะเวลาที่กำหนด ตามมาตรา 87 วรรคสอง พ.ร.บ.ตำรวจแห่งชาติ พ.ศ. 2547 ประกอบ ระเบียบ ก.ตร.ว่าด้วยเหตุจำเป็นไปในการขยายระยะเวลาการพิจารณาสั่งการทางวินัย พ.ศ. 2547 ข้อ 5 เนื่องด้วยกฎหมายกำหนดไว้ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ จึงมีคำสั่งให้ พล.ต.ต.สุทิพย์ กับพวก รวม 5 นาย กลับคืนสู่ฐานะเดิม”
รองโฆษก ตร. กล่าวต่ออีกว่า แต่ข้าราชการตำรวจที่เกี่ยวข้องยังคงเป็นผู้ถูกกล่าวหาในคดีอาญาซึ่งอยู่ในระหว่างการพิจารณาของพนักงานอัยการตามที่ได้นำเรียนข้างต้น อย่างไรก็ตาม หากผลการสอบสวนเพิ่มเติม ในคดีวินัย ส่งกลับมาที่ สำนักงานตำรวจแห่งชาติแล้ว กองวินัยจะพิจารณามีความเห็นตามขั้นตอนที่เกี่ยวข้องต่อไป