ศาลอาญา จัดกิจกรรมทำงานแทนค่าปรับ ในโอกาสวันแม่แห่งชาติ เผย ช่วยลดความเลื่อมล้ำทางสังคม ให้คนจนได้บริการสาธารณประโยชน์แทนค่าปรับวันละ 500 บาท บริจาคโลหิตคิดโปรให้แทน 3 วัน
เมื่อเวลา 08.30 น. วันนี้ (12 ส.ค.) ที่ศาลอาญา ถ.รัชดาภิเษก ศาลอาญาร่วมกับ กรมคุมประพฤติ กระทรวงวัฒนธรรม กทม.และกองบัญชาการตำรวจนครบาล จัดกิจกรรมบริการสังคมหรือสาธารณประโยชน์แทนค่าปรับ เพื่อถวายเป็นพระราชกุศล 12 ส.ค.2563 โดยกิจกรรมนี้มี นายชูชัย วิริยะสุนทรวงศ์ อธิบดีผู้พิพากษาศาลอาญา นายสมเกียรติ ศรลัมพ์ ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี นางศศิฑอณร์ สุวรรณมณี ผู้ตรวจราชการกระทรวงวัฒนธรรม นางธารินี แสงสว่าง รองอธิบดีกรมคุมประพฤติ น.ส.พนิตนาฏ ธนาอภินันทน์ รองผอ.สำนักสิ่งแวดล้อม และ พล.ต.ต.พัฒนา เพศยนาวิน ผู้บัญชาการตำรวจนครบาล 2 เข้าร่วม พร้อมเจ้าหน้าที่ และประชาชน
นายชูชัย กล่าวว่า การจัดงานวันนี้เพื่อถวายเป็นพระราชกุศล เนื่องในโอกาสเป็นวันเฉลิมพระชนมพรรษาสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง ปัจจุบันการพิจารณาพิพากษาคดีของศาลอาญา ศาลจะพิจารณากำหนดโทษตามความร้ายแรงในพฤติการณ์แห่งคดี ในกรณีที่จำเลยกระทำความผิดอาญาที่ไม่ร้ายแรง และศาลลงโทษปรับ จำเลยกลุ่มนี้มีลักษณะที่ไม่เป็นอันตรายต่อสังคม การให้โอกาสจำเลยได้กลับตัวเป็นพลเมืองดี ด้วยการให้ทำงานบริการสังคมหรือสาธารณประโยชน์แทนค่าปรับ แทนการกักขัง แทนค่าปรับ ถือได้ว่าเป็นการให้โอกาสบำเพ็ญสาธารณประโยชน์ เกิดจิตสำนึกสาธารณะและเป็นการให้โอกาสจำเลยได้กลับตัวเป็นพลเมืองดี ไม่ต้องมีมลทินทางคดีติดตัว และสามารถกลับคืนสู่สังคมได้
นายชูชัย ให้สัมภาษณ์อีกว่า ประธานศาลฎีกามีนโยบายคุ้มครองสิทธิเสรีภาพและลดการคุมขังที่ไม่จำเป็น จึงเกิดเป็นโครงการนี้ขึ้นมา ซึ่งมีประโยชน์ช่วยลดงบประมาณในการคุมขัง ทำให้คนไม่ต้องถูกกักขังโดยไม่จำเป็น ตั้งแต่จัดตั้งโครงการมา ศาลอาญาได้มีคำสั่งให้ทำงานบริการสังคม หรือสาธารณประโยชน์แทนค่าปรับ จำนวน 29 คดี ศาลอาญาเป็นศาลนำร่อง น่าจะมีศาลอื่นที่เห็นเราเป็นศาลต้นแบบเอาไปทำ ส่วนผู้ที่เข้าร่วมโครงการนี้ ส่วนใหญ่เป็นคดีเล็กน้อย เช่น คดีลักทรัพย์
“ปกติคนลักทรัพย์ พื้นฐานคือไม่มีเงินอยู่แล้ว เล็กๆ น้อยๆ แต่เดิมเราจะรอการลงโทษ โดยลงโทษปรับ เขาก็จะไม่มีเงินเสียค่าปรับ ก็จะต้องถูกกักขัง โครงการนี้คือมาช่วยเหลือเขาไม่ให้ต้องถูกกักขัง แทนที่จะถูกกักขังก็มาทำงานบริการสังคม หรือทำงานที่เป็นสาธารณประโยชน์แทนค่าปรับ ก็คิดให้อัตราวันละ 500 บาท แต่ก็ขึ้นอยู่กับชนิดของงาน เช่น ไปดูแลผู้ชรา คนพิการ 2 ชั่วโมง เราก็คิดให้ 1 วัน หรืองานซ่อมแอร์ ซ่อมไฟฟ้า 3 ชั่วโมง คิดให้ 1 วัน งานทำความสะอาดสถานที่สาธารณะ 4 ชั่วโมง คิดให้ 1 วัน บริจาคโลหิต ถือว่าเป็นงานบริการสังคมเหมือนกัน อันนี้คิดให้ 3 วันเลย” นายชูชัย กล่าว
ภายหลังพิธีเปิดเสร็จสิ้น ผู้เข้าร่วมโครงการได้แยกย้ายกันทำกิจกรรมบริการสังคมหรือสาธารณประโยชน์ในบริเวณศาลอาญา โดยการจัดกิจกรรมในวันนี้ มีผู้เข้ากิจกรรมทั้งสิ้น 241 คน แบ่งเป็นผู้แทนจากกระทรวงวัฒนธรรม จำนวน 5 คน กทม. จำนวน 78 คน กรมคุมประพฤติ จำนวน 22 คน และกองบัญชาการตำรวจนครบาล จำนวน 16 คน และผู้เข้าร่วมโครงการจำนวน 120 คน สำหรับกิจกรรมการทำงานบริการสังคมหรือสาธารณประโยชน์ในวันนี้ ผู้เข้าร่วมโครงการจะได้รับความรู้ด้านการปฏิบัติงานตัดแต่งต้นไม้ใหญ่ตามหลักสูตรรุกขกรรม งานจราจร การทำความสะอาดที่สาธารณะ