สาวใหญ่เครียดทำธุรกิจถูกโกง ขับเบนซ์ป้ายแดงเฉี่ยวชนรถยนต์เสียหาย 2 คัน และจยย.อีก 4 คัน บริเวณหน้าตลาด อ.ต.ก.แล้วหลบหนี ก่อนถูกพลเมืองดีและเจ้าหน้าที่ตำรวจล้อมจับไว้ได้ ตรวจวัดแอลกอฮอล์ในกระแสเลือดได้ 257 มิลลิกรัมเปอร์เซ็นต์ ตำรวจคัดค้านการประกันตัว
เมื่อเวลา 00.30 น. วันที่ 12 ส.ค. พ.ต.ต.วัชชิระ อาสาวุธ สว.(สอบสวน) สน.บางซื่อ รับแจ้งเหตุมีผู้ขับรถยนต์เฉี่ยวชนแล้วหลบหนี มีรถได้รับความเสียหายและคนเจ็บหลายรายบริเวณหน้าตลาด อ.ต.ก. ถนนกำแพงเพชร แขวงจตุจักร เขตจตุจักร กรุงเทพฯ จึงแจ้งสกัดจับและรุดไปตรวจสอบที่เกิดเหตุ
ต่อมารถคันดังกล่าวถูกพลเมืองดีและเจ้าหน้าที่ตำรวจล้อมจับไว้ได้ที่เตาปูนแมนชั่น ด้านหน้าบริเวณบริษัท คงอุดม จากการตรวจสอบพบเป็นรถยนต์ยี่ห้อเมอร์เซเดส-เบนซ์ รุ่น E220d สีดำ หมายเลขทะเบียนป้ายแดง ฐ 0701 กรุงเทพมหานคร สภาพด้านหน้าเฉี่ยวชนจนพังยับเยิน กระจกด้านหลังถูกทุบจนแยกเสียหาย ภายในรถพบ น.ส.วิชุดา วิทยสินธนา อายุ 37 ปี สวมชุดเดรสลายดอกสีฟ้า มีแผลแตกบริเวณคิ้วขวา เจ้าหน้าที่กู้ภัยร่วมกตัญญูจึงปฐมพยาบาลก่อนนำตัวไปที่ สน.บางซื่อ จากเหตุการณ์นี้มีผู้ได้รับบาดเจ็บจำนวนหลายราย มีรถยนต์ 2 คัน และจักรยานยนต์อีก 4 คันได้รับความเสียหาย
จากการสอบถามพยานทราบว่า รถเบนซ์คันดังกล่าวเริ่มชนแล้วหนีตั้งแต่เวลา 23.00 น. โดยขับรถไล่ชนรถของประชาชนบริเวณแยกแคราย จังหวัดนนทบุรี มุ่งหน้าเข้าถนนวิภาวดี-รังสิต ก่อนเลี้ยวเข้าถนนพหลโยธิน จากนั้นมุ่งมายังถนนกำแพงเพชร และสิ้นสุดลงที่ถนนพระราม 6 รวมระยะเวลาประมาณ 1 ชั่วโมง ระหว่างทางมีประชาชน อาสาสมัครกู้ภัยและตำรวจได้ช่วยกันติดตามปิดล้อมและสกัดจับแต่ไม่เป็นผล กระทั่งรถเบนซ์คันดังกล่าวไปชนกับรถที่จอดอยู่ด้านหน้าบริษัท คงอุดม ในระหว่างนั้น นายชัชวาลล์ คงอุดม หรือ “ชัช เตาปูน” เป็นคนออกมาช่วยเหลือและเจรจาเกลี้ยกล่อมให้คนขับรถเบนซ์ลงมาจากรถและอยู่ในความสงบ
นายชัชวาลล์กล่าวว่า จากการพูดคุยกับพ่อของผู้ก่อเหตุ ทราบว่าผู้ก่อเหตุมีอาการเครียดเพราะถูกโกงเงินจากการทำธุรกิจเสียหายนับล้านบาท โดยพ่อของผู้ก่อเหตุอาศัยอยู่ในเตาปูนแมนชั่น อีกทั้งระหว่างพูดคุยกัน ผู้ก่อเหตุมีลักษณะคล้ายคนเมาสุรา และทราบว่าผู้ก่อเหตุเรียนจบบัญชีจากมหาวิทยาลัยในสหรัฐอเมริกา ส่วนรายละเอียดไม่ทราบว่ารถคันดังกล่าวเริ่มต้นขับรถมาจากที่ใดและมาจอดตรงจุดนี้ได้อย่างไร
ด้านนายจรัสพงษ์ อนุชาติบุตร อาสาสมัครกู้ภัยวชิรพยาบาล เปิดเผยว่า ตนได้รับแจ้งเหตุช่วงเวลาประมาณ 23.30 น. ว่ามีคนเมาแล้วขับรถไล่ชนรถของประชาชนจึงนำกำลังเข้าไปช่วยสกัด แต่กลับถูกผู้ก่อเหตุขับชนจักรยานยนต์ของตัวเองได้รับความเสียหายที่บริเวณแยกสะพานแดง ถนนพระราม 5
นายธีรศักดิ์ ศิลปกิจ อายุ 23 ปี หนึ่งในผู้เสียหาย เปิดเผยว่า รถเบนซ์คันดังกล่าวตั้งใจขับไล่ชนรถบนถนน โดยไม่ยอมลงมาดูคนเจ็บ หรือเจรจากับผู้เสียหายแต่อย่างใด ตัวเองมองว่าหากมีการลงมาดูผู้บาดเจ็บและลงมาพูดคุย เหตุการณ์ก็อาจจะไม่เลวร้ายขนาดนี้ ขณะนั้นที่รถของผู้ก่อเหตุอยู่ในซอยแคบในเตาปูนแมนชั่น ตนตัดสินใจยื่นมือเข้าไปหักพวงมาลัยรถเบนซ์ให้พุ่งชนรถอีกคันเพื่อไม่ให้รถคันกล่าวขับต่อไปได้
ด้าน ด.ต.อ่อนสี ประสานทอง ผบ.หมู่งานจราจร รหัส 6624 สน.บางซื่อ เปิดเผยว่า หลังจากได้รับเหตุตนได้พยายามไล่สกัดและยับยั้งผู้ก่อเหตุเพื่อไม่ให้เกิดความสูญเสียกับผู้ใช้รถใช้ถนน จึงตัดสินใจใช้ จยย.เข้าขวางรถเบนซ์ และพูดเกลี้ยกล่อมให้ลงจากรถ แต่ผู้ก่อเหตุพูดจาไม่รู้เรื่องและพยายามขับรถต่อไปจึงได้ยืนขวาง แต่ผู้ก่อเหตุยังคงขับรถฝ่าหนีไปได้ทำให้ตัวเองได้รับบาดเจ็บเล็กน้อย
พ.ต.ต.วัชชิระกล่าวว่า จากการตรวจวัดแอลกอฮอล์ในกระแสเลือดพบปริมาณแอลกอฮอล์ 257 มิลลิกรัมเปอร์เซ็นต์ เบื้องต้นได้ส่งตัวไปรักษาที่ รพ.เปาโล สะพานควาย ก่อนจะเรียกมาแจ้งข้อหา “เมาแล้วขับ” ข้อหา “ขับรถโดยประมาทเป็นเหตุให้อื่นได้รับบาดเจ็บ และเสียทรัพย์” ข้อหา “ชนแล้วหนี” และข้อหา “ต่อสู้ขัดขวางการปฏิบัติงานเจ้าพนักงาน” พร้อมคัดค้านการประกันตัว จากนี้จะสอบสวนพยานและผู้เสียหายรวมทั้งตรวจสอบกล้องวงจรปิดอีกครั้งหากพบความผิดอื่นจะดำเนินดำเนินตามกฎหมายต่อไป
ด้าน พล.ต.ต.พัฒนา เพศยนาวิน ผู้บังคับการตำรวจนครบาล 2 (ผบก.น.2) กล่าวภายหลังการสอบปากคำ น.ส.วิชุดา วิทยสินธนา อายุ 37 ปี ผู้ขับขี่รถเบนซ์ E250d สีดำ ทะเบียนป้ายแดง ฐ 0710 กทม.เฉี่ยวชนรถและจักรยานยนต์ผู้อื่นเรื่อยมาตั้งแต่แยกแคราย จ.นนทบุรี จนมาหยุดรถที่ย่านเตาปูน ก่อนตำรวจวัดปริมาณแอลกอฮอล์พบว่าสูงถึง 257 มิลลิกรัมเปอร์เซ็นต์ ที่ สน.บางซื่อ ว่าเบื้องต้นทราบว่าผู้ก่อเหตุมีความเครียดเรื่องธุรกิจ ก่อนจะขับรถออกจากบ้านเมื่อเวลา 21.00 น.ของวันที่ 11 ส.ค. ไปดื่มสุรา ซึ่งทางสามีได้พยายามออกมาตามหา กระทั่ง น.ส.วิชุดาได้ไปขับรถชนผู้อื่นที่บริเวณแยกแครายในเวลาประมาณ 22.00 น. จนมีคู่กรณีขับขี่จักรยานยนต์ตามมาจนถึงช่วงถนนพหลโยธิน ซึ่งตำรวจได้รับแจ้งผ่านวิทยุจึงเร่งเข้าสกัดจับแต่ไม่เป็นผล อีกทั้งยังถูกรถเฉี่ยวชนได้รับบาดเจ็บเล็กน้อย ก่อนที่ น.ส.วิชุดาจะขับรถวนไปที่ย่านลาดพร้าวแล้วเข้าไปแถวเตาปูนแมนชั่น 2 รอบ จนมีญาติที่อยู่ในละแวกนั้นมาห้ามจึงหยุดรถไว้ได้
พล.ต.ต.พัฒนากล่าวต่อว่า เบื้องต้นสันนิษฐานว่าสาเหตุที่ผู้ต้องหาหนีเพราะตกใจและเครียด โดยช่วงบ่ายวันนี้จะทำการนัดผู้เสียหายในพื้นที่ บก.น.2 มาสอบปากคำอีกครั้ง คาดว่ามีประมาณ 3-4 ราย ล่าสุด เจ้าหน้าที่ ได้ส่งตัวผู้ต้องหาไปตรวจหาสารเสพติดที่โรงพยาบาลตำรวจอีกครั้ง และในวันพรุ่งนี้ (13 ส.ค.) จะคุมตัวส่งศาลอาญารัชดา เพื่อดำเนินคดีในข้อหา 1. เป็นผู้ขับขี่รถขณะเมาสุราหรือของเมาอย่างอื่น 2. ขับรถโดยประมาทเป็นเหตุให้ทรัพย์สินของผู้อื่นได้รับความเสียหายและมีผู้ได้รับบาดเจ็บ 3. ไม่หยุดรถให้ความช่วยเหลือ และ 4.ต่อสู้ขัดขวางเจ้าพนักงานในการปฏิบัติการตามหน้าที่ ส่วนเหตุที่เกิดขึ้นในท้องที่อื่นๆ นั้น จากนี้ท้องที่ที่รับผิดชอบ จะอายัดตัวดำเนินคดีต่อไป
ส่วนกรณีมีคนตั้งข้อสังเกตว่า น.ส.วิชุดา เกี่ยวข้องกับ ชัช เตาปูน อย่างไรนั้น พล.ต.ต.พัฒนาระบุว่า ไม่มีความเกี่ยวข้องกัน เพียงแต่ผู้ก่อเหตุไปจอดรถที่ด้านหน้าบ้านของชัชเท่านั้น
น.ส.วิชุดาเปิดเผยขณะถูกคุมตัวไปตรวจร่างกายที่ รพ.ตำรวจ ระบุว่าตนมีปัญหาเป็นคดีฟ้องร้องกับหุ้นส่วนบริษัทแห่งหนึ่งจนถูกอายัดเงิน 1-2 ล้านบาทไว้ไม่สามารถใช้เงินได้ ทั้งที่แจ้งความดำเนินคดีไว้แล้วแต่ยังไม่มีความคืบหน้าจึงเกิดความเครียดแล้วมาก่อเหตุดังกล่าวขึ้น ทั้งนี้ สามีผู้ก่อเหตุยังฝากขอโทษไปยังคนเจ็บและผู้เสียหายทุกรายในเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น