MGR Online - ผกก.หลักสอง เผยสอบปากคำ “เสี่ยตี๋” อ้างหักกันเรื่องธุรกิจ พร้อมนัด “อธิป” พรุ่งนี้ พฐ.ไม่พบร่องรอยการยิงที่บ้านเกิดเหตุย่านพุทธมณฑลสาย 2 ยันมีผู้บาดเจ็บ 2 คน ไม่ใช่ 6 คน ด้านรองผู้การ 9 เรียกประชุมฝ่ายสืบสวนสอบสวน สั่งลงพื้นที่รวบรวมพยานบุคคล-แวดล้อม
กรณีนายธนกฤต สถิจชวา หรือเสี่ยตี๋ อายุ 44 ปี มีปัญหาขัดแย้งกับนายอธิป ขวัญบุญ หรือวิน อายุ 25 ปี หลังจาก นายธนกฤตเป็นตัวแทนรวบรวมผู้เสียหายจากการซื้อขายหน้ากากอนามัยฟ้องร้องนายอธิป จนได้นัดเคลียร์กันและเกิดเหตุยิงกันทั้งสองฝ่าย บริเวณบ้านพักนายธนกฤต ภายในซอยพุทธมณฑล สาย 2 ซอย 11 แขวงบางไผ่ เขตบางแค กทม. ขณะที่นายอธิปทิ้งรถสปอร์ตปอร์เช่ที่เช่ามาภายในซอยดังกล่าวก่อนหลบหนีไป
วันนี้ (2 ส.ค.) พ.ต.อ.สมยศ อุดมรักษาทรัพย์ ผกก.สน.หลักสอง กล่าวว่า ขณะนี้ได้สอบปากคำนายธนกฤตไปแล้ว เบื้องต้นอ้างว่าสาเหตุเป็นเรื่องของธุรกิจ แต่จะมีความขัดแย้งอย่างที่กล่าวอ้างหรือไม่นั้น ต้องรอสอบปากคำผู้บาดเจ็บเพิ่มเติม พร้อมประสานนายอธิป ผู้ขับรถปอร์เช่ เข้าสอบปากคำในวันพรุ่งนี้ (3 ส.ค.) แต่ยังไม่ได้มีการนัดเรื่องเวลาเนื่องจากนายอธิปต้องการขอปรึกษาทนายความก่อน
ส่วนกรณีนายอธิปอัดคลิปลงโซเชียลมีเดียว่าพวกตนไม่ได้ยิงนายธนกฤต แต่กลับถูกกลุ่มดังกล่าวระดมยิงอยู่ฝ่ายเดียว ต้องรอผลการตรวจพิสูจน์หลักฐานว่าที่บ้านของนายธนกฤตมีหัวกระสุนปืนของกลุ่มนายอธิปหรือไม่ จากการลงพื้นที่ตรวจสอบของกองพิสูจน์หลักฐาน (พฐ.) เบื้องต้นไม่พบร่องรอยการยิงและหัวกระสุนภายในบ้านของ นายธนกฤต นอกจากนี้ นายอธิปยังอ้างว่ากลุ่มตนเองถูกยิงได้รับบาดเจ็บ 6 คน และหนึ่งในนั้นได้รับบาดเจ็บสาหัสอยู่ในห้องไอซียูนั้น ขณะนี้จากรายงานที่ตำรวจได้รับทราบว่ามีผู้บาดเจ็บเพียง 2 คน คือ นายอภิรักษ์ คลั่งแสง อายุ 27 ปี ถูกยิงที่แขน และตัวนายอธิปถูกกระจกบาดตามร่างกาย
ด้าน พ.ต.อ.นครินทร์ สุคนธวิท รอง ผบก.น.9 กล่าวว่า เมื่อเวลา 10.00 น.ที่ผ่านมาได้เรียกประชุมฝ่ายสืบสวนสอบสวนเพื่อติดตามความคืบหน้าคดีดังกล่าว โดยใช้เวลากว่า 1 ชม. ขณะนี้ยังไม่ได้รับการติดต่อจาก นายอธิป เข้าให้ปากคำต่อตำรวจ พร้อมสั่งการฝ่ายสืบสวนและฝ่ายสอบสวนลงพื้นที่เพื่อรวบรวมพยานบุคคลและพยานแวดล้อมเพิ่มเติม ก่อนในวันพรุ่งนี้ (3 ส.ค.) จะออกหมายเรียกนายอธิปมาสอบปากคำ โดยอยากฝากประชาสัมพันธ์บุคคลที่อยู่ในเหตุดังกล่าว ถึงแม้จะเกี่ยวข้องหรือไม่เกี่ยวข้องก็ตาม ขอความร่วมมือเข้าให้ปากคำต่อเจ้าหน้าที่ตำรวจที่ สน.หลักสอง
ทั้งนี้ มีรายงานว่า เมื่อช่วงดึกของวันที่ 1 ส.ค. ที่ สน.หลักสอง น.ส.ชลธิชา ชัยชิต หรือน้องเตย ดารานักแสดงละครช่อง 3 และนายจิรวัฒน์ เลิศกษิต แฟนหนุ่ม ประกอบธุรกิจให้เช่ารถยนต์ เดินทางเข้าพบตำรวจเพื่อแสดงตัวเป็นเจ้าของรถปอร์เช่คันเกิดเหตุ พร้อมแสดงเอกสารการเช่ารถของนายอธิป โดย น.ส.ชลธิชาเปิดเผยว่า ตนเองและแฟนหนุ่มไม่รู้จักนายอธิปเป็นการส่วนตัว แต่ก่อนหน้านี้ช่วงโควิด-19 ตนและแฟนหนุ่มอยากทำธุรกิจขายหน้ากากอนามัย และทราบว่านายอธิปทำธุรกิจทางด้านนี้ จึงนำหน้ากากอนามัยมูลค่า 5 แสนบาท ไปฝากนายอธิป ขายแต่กลับไม่ขายให้ ตนจึงให้แฟนหนุ่มไปเอาหน้ากากอนามัยคืนและกลับมาขายเอง
ส่วนเรื่องการเช่ารถปอร์เช่คันเกิดเหตุ ได้รับการติดต่อจากนายหน้าว่านายอธิปขอเช่ารถ ตอนแรกตนและแฟนหนุ่มไม่อยากให้เช่า แต่คิดว่าถ้าเช่าผ่านนายหน้าก็ไม่น่าจะมีปัญหาอะไร จึงยอมให้นายอธิปเช่ารถในราคา 20,000 บาทต่อวัน และทำสัญญาเช่าเมื่อวันที่ 29 ก.ค. ก่อนที่จะเอารถไปส่งที่บ้านของนายอธิปที่หมู่บ้านกลางเมืองสาทร-ตากสิน ย่านฝั่งธนบุรี จนกระทั่งเมื่อวานนี้ (1 ส.ค.) พบว่ารถตนเองอยู่ในภาพข่าว จึงนำหลักฐานเข้าแสดงตัวต่อตำรวจ แต่ไม่สามารถนำกลับไปได้เพราะอยู่ในกระบวนการตรวจสอบตามขั้นตอนของกฎหมาย