MGR Online - “สมศักดิ์” แจงเจ้าหน้าที่เก็บดีเอ็นเอผู้ต้องสงสัยชาวไทย 379 ราย พบไม่ตรงกับหลักฐานขอบกางเกง น.ส.โทโมโกะ ล่าสุดสถาบันนิติวิทยาศาสตร์พบผลตรวจดีเอ็นเอ ระบุชาติพันธุ์คนเอเชียตะวันออก
วันนี้ (23 ก.ค.) เวลา 13.00 น. ที่ห้องรับรอง ชั้น 2 กระทรวงยุติธรรม (ยธ.) นายสมศักดิ์ เทพสุทิน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม พร้อมด้วย พ.ต.ท.กรวัชร์ ปานประภากร อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) พ.ต.ท.วรรณพงษ์ คชรักษ์ ผู้อำนวยการสถาบันนิติวิทยาศาสตร์ และนายโทโมยูกิ ฟูจิยามะ หัวหน้านายตำรวจญี่ปุ่น ในฐานะเลขานุการเอก ร่วมแถลงผลการดำเนินการสืบสวนสอบสวน ความคืบหน้าคดีการเสียชีวิตของ น.ส.โทโมโกะ คาวาชิตะ นักท่องเที่ยวชาวญี่ปุ่น ที่ถูกฆาตกรรมบริเวณวัดสะพานหิน ในเขตอุทยานประวัติศาสตร์สุโขทัย เมื่อวันที่ 25 พ.ย. 2550 และดีเอสไอได้รับเป็นคดีพิเศษ เมื่อปี 2556 หลังคดีผ่านมากว่า 13 ปี
นายสมศักดิ์กล่าวว่า กรณีดังกล่าวดีเอสไอรับเป็นคดีพิเศษที่ 188/2556 เมื่อวันที่ 31 ก.ค.56 โดยได้รับคดีภายหลังจากเกิดเหตุประมาณ 6 ปี ต่อมาได้ยุติการสอบสวนเนื่องจากไม่ปรากฏว่าผู้ใดเป็นผู้กระทำความผิด แต่ดีเอสไอยังคงยังดำเนินการสืบสวนเพื่อหาตัวผู้กระทำความผิดอย่างต่อเนื่อง โดยคณะพนักงานสืบสวนได้ทำการสืบสวนและรวบรวมพยานหลักฐาน โดยใช้ข้อมูลที่ได้รับจากการแจ้งเบาะแสเข้ามาเป็นระยะ และข้อมูลจากบุคคลในพื้นที่ที่ได้มีการลงพื้นที่สืบสวน และได้มีผู้ให้ข้อมูลว่ามีผู้ต้องสงสัยรายหนึ่งเป็นผู้กระทำความผิดในคดีนี้ แต่ได้เสียชีวิตไปแล้วเมื่อปี พ.ศ. 2553
นายสมศักดิ์กล่าวอีกว่า คณะพนักงานสืบสวนได้นำกระดูกของผู้ต้องสงสัยรายดังกล่าวมาทำการตรวจพิสูจน์เปรียบเทียบกับสารพันธุกรรมที่พบที่ขอบกางเกงของ น.ส.โทโมโกะ แต่ไม่สามารถตรวจหาสารพันธุกรรมจากกระดูกได้เนื่องจากกระดูกถูกเผาด้วยความร้อนสูง ต่อมาพนักงานสืบสวนทราบว่าผู้ต้องสงสัยรายดังกล่าวมีบุตรชาย 1 คน จึงได้ทำการเก็บสารพันธุกรรมเพื่อนำมาเปรียบเทียบค่าโครโมโซม Y ตามหลักการทางนิติวิทยาศาสตร์ ในการพิสูจน์การเป็นบิดาบุตร และยังทราบอีกว่าผู้ต้องสงสัยยังมีพี่ชายต่างมารดา และหลานชายอีก 1 คน ซึ่งทำงานอยู่ที่ไต้หวัน พนักงานสืบสวนพร้อมด้วยเจ้าหน้าที่นิติวิทยาศาสตร์จึงได้เดินทางไปไต้หวันเมื่อปลายปี พ.ศ. 2562 เพื่อทำการเก็บสารพันธุกรรมนำมาตรวจหาความสัมพันธ์ของค่าโครโมโซม Y ซึ่งผลการตรวจพิสูจน์สารพันธุกรรมของบุคคลทั้ง 3 ราย สถาบันนิติวิทยาศาสตร์แจ้งผลการตรวจพิสูจน์ว่า สารพันธุกรรมของบุคคลทั้งสามไม่ตรง หรือไม่มีความสัมพันธ์กับค่าโครโมโซม Y ที่ขอบกางเกงของ น.ส.โทโมโกะ คาวาชิตะ แต่อย่างใด ทั้งนี้ ดีเอสไอได้ดำเนินการสืบสวนสอบสวนผ่านมาเป็นระยะ 4 ปี พร้อมเก็บดีเอ็นเอผู้ต้องสงสัยทั้งหมด 379 ราย แต่ก็ยังไม่ตรวจกับดีเอ็นเอที่ขอบกางเกงของ น.ส.โทโมโกะ จึงได้เปลี่ยนการสืบสวนสอบสวนใหม่
ด้าน พ.ต.ท.วรรณพงษ์กล่าวว่า สถาบันนิติวิทยาศาสตร์ได้ทำการตรวจพิสูจน์ซ้ำอีกครั้งโดยใช้วิธีการตรวจสอบหารูปแบบสารพันธุกรรมด้วยน้ำยาใหม่ที่ตรวจจากเดิม 16 ตำแหน่ง เป็น 24 ตำแหน่ง ซึ่งผลการตรวจทำให้พบรูปแบบสารพันธุกรรมเพิ่มขึ้น จากเดิมที่พบ 16 ตำแหน่ง เพิ่มขึ้นเป็น 22 ตำแหน่ง จาก 24 ตำแหน่ง ซึ่งเป็นประโยชน์ต่อการสืบสวนหาผู้กระทำผิดมากขึ้น และจากการตรวจพิสูจน์และวิเคราะห์รูปแบบสารพันธุกรรมบนโครโมโซม Y จากกางเกงขาสามส่วนสีน้ำเงินในฐานข้อมูลสารพันธุกรรมเพศชาย พบว่ามีความเกี่ยวข้องกับเชื้อชาติญี่ปุ่น และเกาหลี หรือเป็นชาติพันธุ์ของคนเอเชียตะวันออก จึงประสานทางประเทศญี่ปุ่นให้ทราบและใช้เป็นแนวทางการสืบสวน
ส่วนทาง พ.ต.ท.กรวัชร์กล่าวว่า จากข้อมูลพบมีผู้ใกล้ชิดผู้ตายและเดินทางกลับต่างประเทศ หลังเกิดเหตุ 1 วัน เป็นชาวญี่ปุ่น ขณะนั้นชาวญี่ปุ่นรายนี้ไม่ได้ให้ความร่วมมือในการตรวจหาดีเอ็นเอ ซึ่งหลังจากนี้จะมีการประสานต่างประเทศเพื่อแจ้งเบาะแส โดยดีเอสไอยังคงประสานงานกับตำรวจสากลและทางการชุดสืบสวนญี่ปุ่นเพื่อสืบสวนคดีต่อไป
ขณะที่นายโทโมยูกิเปิดเผยว่า ขอบคุณผู้เกี่ยวข้องในคดีนี้ที่ให้ความสำคัญต่อการเสียชีวิตของ น.ส.โทโมโกะ พร้อมรู้สึกเสียดายที่ผลการตรวจวิเคราะห์ดีเอ็นเอครั้งล่าสุดยังไม่สามารถจับกุมคนร้ายได้ ขณะที่ทางประเทศญี่ปุ่นมีความยินดีประสานความคืบหน้าทางคดีกับประเทศไทย และคดีนี้อยู่ระหว่างสืบสวนในประเทศญี่ปุ่น แต่ยังไม่มีการฟันธงว่าคนร้ายเป็นคนชาติไหน เพียงแต่ดีเอ็นเอที่ตรวจสอบเป็นของชาวเอเชียตะวันออก