xs
xsm
sm
md
lg

ศาลยุติธรรมตรวจสอบบัญชีเงินฝากผู้ประกัน ผ่านระบบอิเล็กทรอนิกส์ ช่วยอายัดเงินได้ทันท่วงที

เผยแพร่:   โดย: ทีมข่าวอาชญากรรม


นายสราวุธ เบญจกุล เลขาธิการสํานักงานศาลยุติธรรม
ศาลยุติธรรมจับมือธนาคาร-สถาบันการเงิน ตรวจสอบบัญชีเงินฝากผู้ประกันในคดีอาญา ที่ผิดสัญญาประกันผ่านระบบอิเล็กทรอนิกส์ ช่วยอายัดเงินได้ทันท่วงที

เมื่อเวลา 13.30 น. วันนี้ (20 ก.ค.) ที่ห้องประชุมใหญ่ชั้น 12 อาคารศาลอาญา ถ.รัชดาภิเษก นายสราวุธ เบญจกุล เลขาธิการสำนักงานศาลยุติธรรม และนายกอบศักดิ์ ดวงดี เลขาธิการสมาคมธนาคารไทย แถลงข่าวความร่วมมือระหว่างสำนักงานศาลยุติธรรมกับธนาคารและสถาบันการเงิน รวม 22 ธนาคาร ในการรับ-ส่งข้อมูลบัญชีเงินฝากธนาคารของผู้ประกันในคดีอาญาผ่านทางจดหมายอิเล็กทรอนิกส์ (E-mail) เพื่อให้การตรวจสอบบัญชีเงินฝากของผู้ประกันในคดีอาญาเป็นไปอย่างสะดวก รวดเร็ว ถูกต้อง ครบถ้วน ประหยัดค่าใช้จ่าย ลดการใช้ทรัพยากรกระดาษ และทำให้การบังคับคดีผู้ประกันในคดีอาญามีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น

นายสราวุธ กล่าวว่า แต่เดิมการสืบหาทรัพย์สินของบุคคลซึ่งเป็นผู้ประกันในคดีอาญาที่ผิดสัญญาประกันต่อศาล สำนักงานศาลยุติธรรมจะดำเนินการสืบทรัพย์และอายัดบัญชีเงินฝากผู้ประกันผ่านทางธนาคารและสถาบันการเงิน โดยวิธีส่งเอกสารประกอบการสืบทรัพย์ทางไปรษณีย์ ซึ่งมีค่าใช้จ่ายในการส่งแต่ละครั้งเป็นจำนวนมาก และใช้เวลาในการสืบทรัพย์แต่ละครั้งเป็นเวลานาน ซึ่งกว่าจะทราบข้อมูลบัญชีเงินฝากของผู้ประกันนั้น ใช้ระยะเวลาไม่น้อยกว่า 1 เดือน ดังนั้น เพื่อให้การสืบหาทรัพย์สินของผู้ประกันในคดีอาญาเป็นไปตามเจตนารมณ์ของประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 119 และข้อบังคับของประธานศาลฎีกา ว่าด้วยการบังคับคดีผู้ประกันในคดีอาญา พ.ศ.2560 และเป็นการนำเทคโนโลยีมาปรับใช้ในการปฏิบัติงานเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการทำงานระหว่างองค์กร

สำนักงานศาลยุติธรรมจึงได้ลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือ ในการรับ-ส่งข้อมูลบัญชีเงินฝากธนาคารของผู้ประกันในคดีอาญาผ่านทาง E-mail กับธนาคารสมาชิกสมาคมธนาคารไทย สมาคมธนาคารนานาชาติ และสมาคมสถาบันการเงินของรัฐ โดยสำนักงานศาลยุติธรรมจะส่งหมายให้ธนาคารและสถาบันการเงินตรวจสอบข้อมูลบัญชีเงินฝากของผู้ประกันในคดีอาญาและให้ธนาคารอายัดเงินในบัญชีเงินฝาก (หากมี) และนำส่งข้อมูลผลการตรวจสอบหรือผลการอายัดบัญชีเงินฝากให้แก่ศาลผ่านสำนักงานศาลยุติธรรมทาง E-mail ภายในระยะเวลาไม่เกินกว่า 3 - 4 วัน นับจากวันที่ธนาคารได้รับหมายจากสำนักงานศาลยุติธรรม

“กรณีที่ศาลจะให้ธนาคารนำส่งเงินของผู้ประกันในคดีอาญา ศาลจะส่งหมายบังคับคดีหรือคำสั่งอื่นใดของศาลให้แก่ธนาคาร เพื่อให้ธนาคารนำส่งเงินให้ศาลเพื่อชำระค่าปรับผู้ประกันต่อไป ซึ่งการดำเนินการตามความร่วมมือดังกล่าวจะทำให้ทราบได้ว่าผู้ประกันในคดีอาญามีบัญชีเงินฝากในธนาคารและสาขาใดบ้าง ส่งผลให้สามารถดำเนินการอายัดบัญชีเงินฝากของผู้ประกันได้อย่างทันท่วงที” นายสราวุธ ระบุ
ทั้งนี้ นายสราวุธ กล่าวในพิธีการ ถึงการที่สำนักงานศาลฯ ประกาศล่วงหน้าว่า เราเตรียมดำเนินการเป็น D-Court หรือศาลดิจิทัล ซึ่งมีกิจกรรมมากมาย กิจกรรมนี้เป็นส่วนสำคัญในการขับเคลื่อน ที่ผ่านมาเราพยามขับเคลื่อนการยื่นฟ้องคดีอิเล็กทรอนิกส์ e-Filing ในเฟส 3 ใกล้จะ 2 แสนคดีแล้ว จากที่แรกเริ่มมีเพียงพันกว่าคดี เรื่องการไกล่เกลี่ยออนไลน์ ที่พึ่งเริ่มหลังจากวิกฤตโควิด-19 ตอนนี้มีหลักแสนคดี หรือเรื่องการบังคับคดีผู้ประกัน จะทำให้ทุกภาคส่วนมีความสะดวกรวดเร็วในการทำงานมากยิ่งขึ้น ท้ายที่สุดประเทศก็จะได้รับประโยชน์ในส่วนนี้ ทางสำนักงานศาลฯ ต้องขอบคุณภาคเอกชนที่ทำให้การดำเนินงานในอำนาจของศาลมีการเปลี่ยนแปลงและพร้อมที่จะเรียนรู้สิ่งใหม่ๆ

หลังจากวันนี้เชื่อว่า การบังคับคดีจะมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น ขณะนี้ยอดผิดสัญญาประกันมีจำนวน 4,000 กว่าล้านบาทซึ่งหลักประกันมีทั้ง เงินบัญชี ที่ดิน และตำแหน่งราชการ เราดำเนินการไปได้ 600 กว่าล้านบาท ค้างอยู่ 3,000 กว่าล้านบาท ที่จะติดตามคืนให้กับรัฐ ส่วนจำนวนคดีที่ติดตามอยู่ ประมาณ 12,000 คดี ค้างอยู่ 8,000 คดี ตนเชื่อว่าในอนาคตการส่งต่อข้อมูลการดำเนินการจะทำได้แบบเรียลไทม์ ซึ่งเป็นความต้องการและใฝ่ฝันเสมอว่าระบบฐานข้อมูลที่ศาลมีอยู่ การบังคับใช้กฎหมายจะมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น สามารถนำข้อมูลมาใช้ได้อย่างทันที ในช่วงเดือนหน้า ทางสำนักงานศาลฯ จะมีกิจกรรมเรื่องการปฏิบัติหน้าที่โดยคำนึงถึง พ.ร.บ.คุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล พ.ศ.2562 เพื่อแลกเปลี่ยนข้อมูลการปฏิบัติหน้าที่ให้อยู่ภายใต้กรอบกฎหมาย และคนที่มีหน้าที่รายงานข้อมูลทางการเงินก็จะได้มั่นใจว่าจัดทำถูกต้องตามกฎหมายและได้รับการดูแลคุ้มครองตามกฎหมายทุกประการ
กำลังโหลดความคิดเห็น