MGR Online - ลูกชาย “บรรยิน” ซัดไร้สาระแผนพาพ่อแหกคุก รับเคยโทรศัพท์กับลูกน้องพ่อที่ร่วมวางแผน แต่คุยเรื่องทั่วไปเท่านั้น ด้านกองปราบเร่งรวบรวมหลักฐานเอาผิดผู้เกี่ยวข้องรายอื่นๆ เพิ่มเติม
วันนี้ (2 ก.ค.) ที่ กองปราบปราม เมื่อเวลา 10.00 น. นายวรภัทร์ ตั้งภากรณ์ ลูกชาย พ.ต.ท.บรรยิน ตั้งภากรณ์ อดีต รมช.พาณิชย์ ผู้ต้องหาคดีร่วมกันอุ้มฆ่าพี่ชายผู้พิพากษาศาลอาญากรุงเทพใต้ เดินทางเข้าพบ พ.ต.อ.สัณห์เพ็ชร หนูทอง ผกก.กลุ่มงานสอบสวน บก.ป., พ.ต.ท.ภิรมย์ เมืองไสย รอง ผกก.1 บก.ป.ตามหมายเรียกเพื่อให้ปากคำในฐานะพยานคดีการวางแผนชิงตัว พ.ต.ท.บรรยิน จากเรือนจำ หลังพบว่า นายวรภัทร์ เคยเป็นเพื่อนสนิทกลุ่มเดียวกับนายณัฐพล หรือ ท็อป นรการ อายุ 30 ปี ลูกน้อง พ.ต.ท.บรรยิน หนึ่งในผู้ร่วมขบวนการดังกล่าว รวมถึงเคยมีการโทรศัพท์ติดต่อหากันในช่วงก่อนที่แผนการดังกล่าวจะถูกเปิดโปงขึ้นมา โดยใช้เวลาสอบปากคำร่วม 2 ชั่วโมง
นายวรภัทร์ กล่าวว่า แผนชิงตัวดังกล่าวนั้น ตนไม่ทราบเลย และยืนยันว่า ไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้อง ส่วนจะเป็นเรื่องจริงไหมไม่มีใครทราบ อยากให้สื่อมวลชนลองประเมินกันเองว่ามีความเป็นไปได้หรือไม่ ส่วนตัวนั้นมองว่าไร้สาระ ทุกวันนี้ยังรู้สึกสงสารในชีวิตความเป็นอยู่ของพ่อตนเอง เพราะคดีความทั้งหมดนั้นยังไม่สิ้นสุด แต่สถานการณ์ต่างๆ ทำให้พ่อตนถูกบีบบังคับ ขณะที่มนส่วนของกรณีที่มีการตั้งข้อสังเกตว่าตนรู้จักกับนายณัฐพล หรือ ท็อป ซึ่งเป็นลูกน้องของพ่อตนที่อยู่ร่วมในแผนการครั้งนี้ ยืนยันว่าไม่ใช่เพื่อนกัน เจ้าตัวอาจจะไปพูดเองหรือไม่ เพราะข้าวสักมื้อตนก็ยังไม่เคยกินด้วยกัน เพียงแต่เคยไปเจอกันที่หน้าเรือนจำ ตอนที่ตนไปเยี่ยมพ่อ และถามไถ่ถึงความเป็นอยู่ของพ่อเท่านั้น เพราะนายท็อป ถูกขังอยู่แดนเดียวกับพ่อ แต่ยอมรับว่าเคยได้พูดคุยกันทางโทรศัพท์เกี่ยวกับเรื่องทั่วไปกันมาก่อน
ด้าน พ.ต.อ.เอนก เตาสุภาพ รองรอง ผบก.ป. กล่าวว่า สำหรับแนวทางสืบสวนพบว่า ภายหลังจาก นายณัฐพล หรือ ท็อป ได้รับการประกันตัวออกมานั้น ก็ได้มีการติดต่อมาหานายวรภัทร์ แต่ยังไม่ทราบรายละเอียดในส่วนนี้ว่าเป็นการติดต่อพูดคุยเรื่องใด รวมถึงยังพบอีกว่า นายวรภัทร์ และ นายณัฐพล นั้น เป็นเพื่อนกลุ่มเดียวกัน ด้วยเหตุนี้จึงจำเป็นต้องเชิญตัวมาสอบปากคำในฐานะพยานคดีดังกล่าว ส่วนความคืบหน้าทางคดีในส่วนอื่นนั้น ขณะนี้มีความคืบหน้าไปมาก โดยก่อนหน้านี้ พนักงานสอบสวนได้เข้าไปสอบปากคำเจ้าหน้าที่เรือนจำ และผู้ต้องขังรวม 2-3 ราย ทั้งหมดต่างให้การสอดคล้องกันว่า พ.ต.ท.บรรยิน ได้วางแผนการดังกล่าวจริง โดยในวันพรุ่งนี้ (3 ก.ค.) จะมีการประชุมชุดทำงานคลี่คลายคดีอีกครั้ง
รายงานข่าวแจ้งว่า จากการสอบปากคำ นายวรภัทร์ ให้การว่า การที่ นายณัฐพล เคยให้การกับทางเจ้าหน้าที่ตำรวจตอนถูกจับกุมตัวว่าเป็นเพื่อนเรียนด้วยกันกับตนนั้น เป็นการกล่าวอ้างของนายณัฐพล ตนไม่รู้เรื่อง เพราะไม่เคยรู้จักเป็นการส่วนตัวกับนายณัฐพล หรือ ท็อป มาก่อน แต่พึ่งมารู้จักกันตอนมาเยี่ยม พ.ต.ท.บรรยิน ที่เรือนจำแล้วพบเจอกัน เพราะนายณัฐพล อ้างว่า อยู่แดนเดียวกับ พ.ต.ท.บรรยิน และคอยดูแลปรนนิบัติอย่างดี จึงแลกเบอร์โทรศัพท์ติดต่อกันไว้คอยถามไถ่ความเป็นอยู่ของ พ.ต.ท.บรรยิน ส่วนการที่ นายณัฐพล โทรศัพท์ติดต่อมาหาตนเองภายหลังจากได้รับการปล่อยตัวชั่วคราวออกมาจากเรือนจำนั้น เพราะ พ.ต.ท.บรรยิน สั่งให้โทรศัพท์มาบอกให้ตนเองมาเข้าเยี่ยมก็เท่านั้น ไม่ได้เกี่ยวข้อง หรือรับทราบถึงแผนการชิงตัวดังกล่าวแต่อย่างใด
รายงานข่าวแจ้งอีกว่า หลังจากที่ก่อนหน้านี้ ทางพนักงานสอบสวนได้มีการเรียกสอบปากคำพยานบุคคลต่างๆ ไปหลายรายพร้อมทั้งสืบหาพยานหลักฐานเพิ่มเติมต่างๆ แล้วนั้น ในเร็วๆ นี้ ทางพนักงานสอบสวนจะมีการประชุมติดตามความคืบหน้าทางคดีอย่างละเอียดอีกครั้ง เพื่อพิจารณาแจ้งข้อหาดำเนินคดีกับผู้ที่เกี่ยวข้องรายอื่นๆ เพิ่มเติม หลังพบว่านอกเหนือจาก พ.ต.ท.บรรยิน แล้วยังมีบุคคลอื่นร่วมกระทำผิดดังกล่าวนี้ด้วย
นอกจากนี้ ทางพนักงานสอบสวนยังอยู่ระหว่างการพิจารณาว่าจะมีการออกหมายเรียกเชิญตัว นายกรณ์ กันเที่ยง ทนายความที่ประกันตัวนายสุธน หรือ โจ กลับมาให้ปากคำเพิ่มเติมใหม่อีกหรือไม่ เนื่องจากคำให้การในครั้งแรกยังมีข้อติดใจสงสัยในบางประเด็น เพื่อให้เกิดความกระจ่างชัดทางคดี