MGR Online - หนุ่มช่างซ่อมรถขับเก๋งวอลโว่ชนสาวท้อง 5 เดือน เสียชีวิตเข้ามอบตัวกับตำรวจ สน.มีนบุรี สารภาพขณะเกิดเหตุยางแตกจนเสียหลักพุ่งชน ไม่ได้ตั้งใจหนี แต่ตกใจมาก จึงกลับไปตั้งสติ
จากกรณี นายธนายุทธ พุฒิเพ็ง อายุ 19 ปี และ น.ส.นาดียะห์ เดชะคำภู อายุ 21 ปี สองสามีภรรยาถูกรถยนต์เก๋ง ยี่ห้อวอลโว่ชนท้ายและเหยียบรางของ น.ส.นาดียะห์ ที่กำลังตั้งครรภ์ 5 เดือน เสียชีวิต เหตุเกิดบนถนนสุวินทวงศ์ แขวงแสนแสบ เขตมีนบุรี กรุงเทพฯ เมื่อเวลา 22.20 น. วันที่ 21 มิ.ย.ที่ผ่านมา โดยล่าสุด ตำรวจออกหมายจับ นายกาวิน สาธร อายุ 48 ปี ช่างซ่อมรถย่านแฟชั่นไอส์แลนด์ ผู้ต้องหาขับรถชนสองสามีภรรยา ขณะนี้อยู่ระหว่างตามจับกุมตามที่ได้นำเสนอข่าวไปแล้วนั้น
ความคืบหน้าล่าสุดวันนี้ (24 มิ.ย.) เมื่อเวลา 10.00 น. ที่ สน.มีนบุรี พ.ต.อ.คมกฤษณ์ คำบุศย์ ผกก.สน.มีนบุรี กล่าวว่า หลังจากการสืบสวนหาตัว นายชัชพล แจ้งจงจิตร ผู้ที่นำรถยนต์วอลโว่ไปนั้น กลับไม่พบว่า มีตัวตนอยู่ ฝ่ายสืบสวนจึงไล่กล้องวงจรปิดตามรถแท็กซี่ที่ผู้ต้องหานั่งหลบหนีไปกระทั่งพบว่า รถแท็กซี่เลี้ยวเข้าไปในซอยสวนสยาม จึงลงพื้นที่สืบสวนจนพบว่ารถยนต์วอลโว่เคยจอดอยู่ที่บ้านหลังหนึ่งในซอยเสรีไทย 78 จากการสอบสวนคนในบ้าน ซึ่งเป็นภรรยาของนายกาวิน ให้การว่า รถวอลโว่เป็นของนายกาวิน เพิ่งซื้อมาเมื่อ 6 เดือนที่แล้ว จึงนำไปสู่การออกหมายจับ ขณะนี้อยู่ระหว่างตามตัวมาสอบสวน อย่างไรก็ตาม เมื่อคืนที่ผ่านมา นายกาวิน ได้ติดต่อภรรยากลับมาถามว่า มีตำรวจมาที่บ้านหรือไม่ ทางภรรยาจึงเกลี้ยกล่อมให้เข้ามอบตัว แต่จนถึงตอนนี้ยังไม่มีทีท่าว่าจะเข้ามอบตัว
พ.ต.อ.คมกฤษณ์ กล่าวต่อว่า ทั้งนี้ จึงอยากจะฝากประชาสัมพันธ์ไปถึงผู้ที่ให้การช่วยเหลือ หรือที่พักพิงเพื่อใช้ในการหลบหนีซ่อนตัว ถือว่ามีความผิดตามกฎหมายมาตรา 189 ผู้ใดช่วยผู้อื่นซึ่งเป็นผู้กระทำความผิด หรือเป็นผู้ต้องหาว่ากระทำความผิด อันมิใช่ความผิดลหุโทษ เพื่อไม่ให้ต้องโทษ โดยให้พำนักแก่ผู้นั้น โดยซ่อนเร้นหรือโดยช่วยผู้นั้นด้วยประการใดเพื่อไม่ให้ถูกจับกุม ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกิน 3 ปี หรือปรับไม่เกิน 40,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ
ต่อมาเวลา 11.00 น. นายกาวิน เข้ามอบตัวกับตำรวจ โดยกล่าวระหว่างเดินว่า ขณะเกิดเหตุยางแตก เพราะยางเก่ามากแล้ว จึงคุมรถไม่อยู่ ไม่ได้ตั้งใจชน พร้อมยกมือไหว้ขอโทษเจ้าหน้าที่คุมตัวเข้าห้องสอบสวนทันที
ด้าน นางดวง แสงจันทร์ ญาติของผู้ต้องหา กล่าวว่า เมื่อช่วงเช้า นายกาวิน ผู้ต้องหา ได้เดินทางเข้ามาที่บ้านของตน เพื่อขอให้พามามอบตัว นายกาวิน ได้เล่าให้ฟังว่า ขณะที่เกิดเหตุถนนเส้นที่ขับรถค่อนข้างมืด ทำให้มองไม่เห็นรถ จยย. ที่อยู่ข้างหน้า ประกอบกับรถที่ขับค่อนข้างเก่า จึงทำให้ยางรถระเบิดแล้วเสียหลักไปชนผู้เสียชีวิต ซึ่งตอนเกิดเหตุ นายกาวิน ตกใจมาก จนไม่มีสติ และรถที่ขับไม่มีประกัน ไม่มีเอกสารอะไรเลย จึงตัดสินใจขับรถกลับมาที่บ้าน แต่ยืนยันว่า ไม่ได้หนี เพียงแค่กลับไปตั้งสติเท่านั้น โดยจากการสอบถามตัวของ นายกาวิน ก็รู้สึกผิดมาก และอยากขอโทษครอบครัวผู้เสียชีวิต
ด้าน นางรจนาพร เดชะคำภู อายุ 43 ปี แม่ของผู้ตาย กล่าวว่า คืนที่เกิดเหตุลูกสาวเข้ามากินข้าวที่บ้าน พร้อมกับสามี ซึ่งตนดีใจที่ลูกแวะเข้ามา เพราะจากนี้ลูกสาวคนเดียวคนนี้ต้องไปอยู่บ้านสามีที่เป็นมุสลิมอย่างถาวรแล้ว ลูกสาวได้เปิดท้องให้ดูบอกว่า ลูกไม่ดิ้นเลย ตนเห็นก็ปลื้มใจที่กำลังจะมีหลาน แต่ตนก็นั่งมองรถ จยย. คันนี้อยู่หลายครั้ง เพราะเป็นห่วง ไม่อยากให้คนท้องมานั่งซ้อนรถ จยย. หลักจากลูกสาวกลับไปพร้อมสามี ไม่นานก็มีคนโทร.มาบอกว่า ลูกสาวถูกรถชนให้รีบไป รพ. ตนสวดมนต์ขอพรตลอดทาง แต่ลูกสาวก็จากไป ตนใจสลายเพราะเป็นลูกสาวคนเดียว ลูกสาวที่กำลังจะเป็นเสาหลักของบ้าน ตนอยากเจอหน้าอยากพูดคุยกับคนชน อยากถามว่าจิตใจทำด้วยอะไร ทำไมไม่หยุดรถ ถ้าชนแล้วจอดลูกสาวอาจไม่ถูกเหยียบซ้ำ ลูกสาวอาจจะไม่ตายก็ได้
ต่อมาเวลา 12.30 น. ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ตำรวจคุมตัว นายกาวิน มาชี้รถวอลโว่คันเกิดเหตุ โดย นายกาวิน เดินยกมือไหว้ตลอดเวลาท่ามกลางเสียงตะโกนด่ากราดสาปแช่งของกลุ่มญาติผู้เสียชีวิต โดยระหว่างนั้นมีน้องชายของสามีผู้ตายพยายามพุ่งเข้าทำร้ายร่างกายผู้ต้องหา แต่ถูกตำรวจสกัดไว้ได้ทัน
โดย พ.ต.อ.คมกฤษณ์ กล่าวว่า หลังจากชี้รถเสร็จได้คุมตัวไปสอบสวนต่อ เพื่อทำสำนวนส่งฟ้องฝากขัง โดยให้พนักงานสอบสวนคัดค้านการประกันตัว เนื่องจากคืนเกิดเหตุผู้ต้องหามีพฤติกรรมหลบหนี จนตำรวจต้องกดดันและออกหมายจับ จึงออกมามอบตัว โดยจากการสอบสวนเบื้องต้น นายกาวิน ให้การอ้างว่า ก่อนเกิดเหตุได้ไปหาเพื่อนที่บ้านย่านสุวินทวงศ์ หลังจากนั้นได้ขับรถกลับบ้านย่านสวนสยาม แต่ขณะนั้นรถเกิดยางแตกแล้วเสียหลักไปชนท้ายรถ จยย. ด้วยความตกใจจึงรีบหลบหนีไป ส่วนรถวอลโว่คันนี้ซื้อมาทางอินเทอร์เน็ตเมื่อ 6 เดือนที่แล้ว หลังจากเมื่อวาน ตนทราบข่าวว่า ตำรวจนำรถวอลโว่ไปตรวจสอบ ตนได้ขับรถออกจากบ้านไปจอดนอนข้างทางในซอยโพธิ์แก้วตลอดทั้งคืน แล้วตัดสินใจติดต่อญาติให้พาเข้ามอบตัวในเช้าวันนี้
พ.ต.อ.คมกฤษณ์ กล่าวต่อว่า ทั้งนี้ ทางผู้ต้องหาจะให้การอย่างไรก็ได้เป็นสิทธิ์ของผู้ต้องหา ทางตำรวจจึงได้รวบรวมพยานหลักฐาน ทั้งจากการสอบสวนพยานและภาพจากกล้องวงจรปิดแจ้งข้อหา “ขับรถโดยประมาทเป็นเหตุให้ผู้อื่นถึงแก่ความตาย” โทษจำคุกไม่เกิน 10 ปี และปรับไม่เกิน 2 หมื่นบาท และข้อหาความผิดเกี่ยวกับ พ.ร.บ.จราจร คือ หลบหนีไม่หยุดให้ความช่วยเหลือ และไม่แสดงตัวแจ้งเหตุต่อพนักงานเจ้าหน้าที่ที่ใกล้เคียงทันที โทษจำคุกไม่เกิน 10 ปี และปรับไม่เกิน 2 หมื่นบาท มีโทษจำคุกไม่เกิน 6 เดือน ปรับไม่เกิน 5000-20,000 บาท