MGR Online - “ดีเอสไอ” บูรณาการร่วม ผู้ว่าราชการจังหวัดสุรินทร์ ฝ่ายปกครองและตำรวจ จับกุมแก๊งหมวกกันน็อกปล่อยเงินกู้ดอกเบี้ยโหด ผู้ต้องหา 19 ราย หลังได้รับการร้องเรียนจากประชาชน
วันนี้ (17 มิ.ย.) นายไตรยฤทธิ์ เตมหิวงศ์ รักษาราชการแทนอธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) พ.ต.ท.วิชัย สุวรรณประเสริฐ ผู้อำนวยการกองคดีเทคโนโลยี และสารสนเทศ ในฐานะรองผู้อำนวยการศูนย์ช่วยเหลือลูกหนี้และประชาชนที่ไม่ได้รับความเป็นธรรม และ พ.ต.ต.ณฐพล ดิษยธรรม เลขานุการศูนย์ช่วยเหลือลูกหนี้และประชาชนที่ไม่ได้รับความเป็นธรรม ได้บูรณาการร่วมกับ นายไกรสร กองฉลาด ผู้ว่าราชการจังหวัดสุรินทร์ และ พล.ต.ต.ถวาย บูรณรักษ์ ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดสุรินทร์ สนธิกำลังฝ่ายปกครองและตำรวจ ระดมกวาดล้างจับกุมแก๊งปล่อยเงินกู้นอกระบบรวม 19 ราย พบว่าคิดดอกเบี้ยสูงถึงร้อยละ 20 ต่อ 24 วัน คิดเป็นร้อยละกว่า 300 บาท ต่อปี (กฎหมายกำหนดให้เรียกดอกเบี้ยเงินกู้ยืมได้ไม่เกินร้อยละ 15 ต่อปี)
นายไตรยฤทธิ์ กล่าวว่า เมื่อวันที่ 15 มิ.ย. 63 เวลา 07.00 น. ชุดปฏิบัติการพิเศษฝ่ายปกครองจังหวัดสุรินทร์ นำโดย นายศักรินทร์ ทุมเสน ปลัดจังหวัดสุรินทร์ ชุดปฏิบัติการศูนย์ช่วยเหลือลูกหนี้และประชาชนที่ไม่ได้รับความเป็นธรรม ดีเอสไอ นำโดย พ.ต.ท.ศุภชัย ไชยศิริ และ พ.ต.ท.ทศพร ณ หนองคาย ร่วมกับกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจจากกองบังคับการตำรวจภูธรจังหวัดสุรินทร์ ได้ดำเนินการจับกุมผู้กระทำความผิดตามข้อร้องเรียนของประชาชน กรณีถูกกลุ่มนายทุนเงินกู้นอกระบบ คุกคามต่อชีวิตและทรัพย์สิน ในพื้นที่ อ.สังขะ, อ.ท่าตูม, อ.สนม จ.สุรินทร์ โดยจับกุมผู้ต้องหาได้ 19 ราย พร้อมตรวจยึดรถยนต์ของกลาง จำนวน 10 คัน เงินสด 590,530 บาท โทรศัพท์มือถือกว่า 20 เครื่อง และเอกสารหลักฐานการกู้ยืมเงินหลายรายการ
นายไตรยฤทธิ์ กล่าวอีกว่า โดยกล่าวหาว่าให้กู้ยืมเงินโดยคิดดอกเบี้ยเกินกว่าที่กฎหมายกำหนด ประกอบธุรกิจทวงถามหนี้โดยไม่ได้รับอนุญาต และประกอบกิจการให้สินเชื่อทางการค้าปกติโดยไม่ได้รับอนุญาตตามกฎหมาย จากนั้นได้ควบคุมตัวส่งพนักงานสอบสวนท้องที่เกิดเหตุดำเนินคดี ดังนี้ 1. อ.สังขะ จับกุมผู้ต้องหา 17 คน ตรวจยึดรถยนต์ของกลาง จำนวน 9 คัน เงินสดของกลาง จำนวน 433,670 บาท 2. อ.ท่าตูม จับกุมผู้ต้องหา 1 คน ตรวจยึดของกลาง รถจักรยานยนต์ จำนวน 1 คัน เงินสดของกลาง 62,280 บาท 3. อ.สนม จับกุมผู้ต้องหา 1 คน ตรวจยึดของกลาง รถยนต์กระบะ 1 คัน เงินสดของกลาง 94,580 บาท
“ศูนย์ช่วยเหลือลูกหนี้และประชาชนที่ไม่ได้รับความเป็นธรรม ดีเอสไอ ได้รับแจ้งข้อมูลเบาะแสจากประชาชน จึงได้ประสานกับหน่วยงานในพื้นที่เข้าทำการจับกุมดังกล่าว ซึ่งทางการสืบสวนพบว่า เป็นนายทุนจากต่างถิ่นเข้ามาตระเวนปล่อยเงินกู้และเก็บเงินกู้ในพื้นที่ภาคอีสาน เรียกกันทั่วไปว่า “แก๊งหมวกกันน็อก” ปัจจุบันได้ปรับเปลี่ยนรูปแบบวิธีการเพื่อหลีกเลี่ยงการจับกุม โดยบันทึกข้อมูลการกู้ยืมเงินไว้ในโทรศัพท์มือถือ ใช้รถยนต์เป็นพาหนะ รถยนต์บางคันไม่ติดแผ่นป้ายทะเบียน และจากการตรวจสอบประวัติผู้ถูกจับกุมและยานพาหนะที่ใช้โดยส่วนใหญ่จะมาจากพื้นที่ภาคกลาง เช่น กรุงเทพมหานคร อุทัยธานี ปทุมธานี ระยอง และพื้นที่จังหวัดใกล้เคียง เช่น นครราชสีมา สกลนคร มหาสารคาม เป็นต้น ซึ่งดีเอสไอจะรวบรวมข้อมูลหลักฐานเพื่อทำการสืบสวนขยายผลกับกลุ่มนายทุนที่อยู่เบื้องหลังต่อไป”
นายไตรยฤทธิ์ กล่าวต่อว่า ดีเอสไอ ห่วงใยประชาชนที่ได้รับผลกระทบจากโรคติดเชื้อไวรัสโควิด-19 จึงมุ่งมั่นปราบปรามอาชญากรรมพิเศษและพร้อมอยู่เคียงข้างพี่น้องประชาชน เพื่อให้ปัญหาของพี่น้องประชาชนได้รับการแก้ไข ทั้งนี้ หากประชาชนมีข้อมูลหรือเบาะแสเกี่ยวกับการกระทำผิดดังกล่าว สามารถแจ้งมายัง ดีเอสไอ ได้ที่สายด่วน 1202 (โทร.ฟรีทั่วประเทศ) โดยจะเก็บรักษาข้อมูลผู้แจ้งเบาะแสไว้เป็นความลับ หรือสามารถขอรับคำปรึกษาทางด้านกฎหมายเกี่ยวกับปัญหาหนี้นอกระบบ ได้ที่ศูนย์ช่วยเหลือลูกหนี้และประชาชนที่ไม่ได้รับความเป็นธรรม โทร. 02 575 3344 หรือ Facebook ศูนย์ช่วยเหลือลูกหนี้และประชาชนทีไม่ได้รับความเป็นธรรม ดีเอสไอ