“บิณฑ์ บรรลือฤทธิ์” เข้าแจ้งความที่ สภ.คลองหลวง ลั่นเอาผิดให้ถึงที่สุด หลังมิจฉาชีพแอบอ้างเอาชื่อและรูปไปทำเฟซบุ๊กปลอมขึ้นมา หลอกให้คนหลงเชื่อ จนมีผู้ติดตามกว่าสามแสนคน คาด มีผู้มีจิตศรัทธาหลงเชื่อ และโอนเงินมาให้เป็นจำนวนมาก
เมื่อเวลา 18.00 น. วันที่ 16 มิถุนายน 2563 นายบิณฑ์ บรรลือฤทธิ์ อายุ 58 ปี ได้เดินทางมาที่สถานีตำรวจภูธรคลองหลวง อ.คลองหลวง จ.ปทุมธานี เพื่อแจ้งความร้องทุกข์ กับพนักงานสอบสวน สภ.คลองหลวง หลังมีมิจฉาชีพได้ทำเฟซบุ๊กปลอม และใช้ชื่อของ บิณฑ์ บรรลือฤทธิ์ โดยมีผู้ติดตามสามแสนกว่าคน โดยมี พ.ต.อ.เศรษฐณัณข์ ทิมวัฒน์ ผกก.สภ.คลองหลวง พร้อมด้วย พ.ต.ท.วิเชียร เหมือนสุวรรณ์ รอง ผกก.(สอบสวน) สภ.คลองหลวง, พ.ต.ท.ยศวัฒน์ นิติรัฐพัฒนคุณ สารวัตรสอบสวน สภ.คลองหลวง ที่นั่งคอยรับแจ้งความอยู่ ที่ห้องสอบสวน สภ.คลองหลวง
ด้าน บิณฑ์ บรรลือฤทธิ์ บอกกับผู้สื่อข่าวว่า ที่ตนเองเดินทางมาที่ สภ.คลองหลวง ได้มีผู้ไม่ประสงค์ดี ได้ทำเฟซบุ๊กปลอมขึ้นมา โดยใช้ใบหน้าของตนเอง และคุณเอกพันธ์ชื่อตนเองด้วย โดยเปิดเป็นกลุ่มสาธารณะ ให้คนที่ชื่นชมและชื่อชอบ ศรัทธาในตัวของตนหลงเชื่อในสิ่งที่เขาบอก และมีผู้เสียหายที่โอนเงินเข้ามาให้เข้าเป็นจำนวนมาก และมีคนที่เข้ามาให้ความช่วยเหลือจำนวนมากอยู่แล้ว ก็นึกว่าเป็นตนจริงๆ และตนเองก็อยากจะเอาผิดและเอาให้ถึงที่สุด กับพวกมิจฉาชีพ ที่ทำอย่างนี้ และตนเองก็เคยบอกไปหลายครั้งแล้ว
สำหรับบุคคลที่เอาหน้าตนเองและชื่อตนเองไปตั้งเพจ เพื่อขอรับบริจาคนั้น และตนเองคอยช่วยเหลือประชาชนอยู่แล้ว และคาดว่า น่าจะมีผู้มีจิตศรัทธาหลงเชื่อ และโอนเงินมาเป็นจำนวนมาก เพราะตนเองเช็กไม่ได้ว่าเป็นใคร และก็ไปหลอกชาวบ้านว่าตนเอง จะไปแจกเงินพอถึงเวลา ตนไม่ไป และมีประชาชนมารอเป็นจำนวนมาก ก็ทำให้ตนเองเสียชื่อเสียงด้วย
โดย บิณฑ์ บรรลือฤทธิ์ ยังกล่าวอีกว่า พวกมิจฉาชีพได้เปิดขึ้นมา 2 เพจ อีกเพจหนึ่งมีผู้ติดตามห้าหมื่นกว่าคน เพราะตนเองก็ไม่อยากให้คนหลงเชื่อ ซึ่งตนก็อยากฝากถึงคนทำเช่นนี้ ว่า การกระทำแบบนี้นั้นมันไม่ดี ซึ่งตนเองที่มาทำตรงนี้ทำด้วยความบริสุทธิ์ใจ แต่คุณมาทำเพื่อหวังผลประโยชน์มากกว่าและวันนี้ตนเองจะไปซื้อผลไม้ เพื่อที่จะนำไปเลี้ยงลิงที่ จ.ลพบุรี เพจปลอมนี้ก็เด้งขึ้นมา และตนก็ได้ถามทีมงานแล้วว่าเป็นใคร ซึ่งทีมงานก็ไม่มีใครรู้จึงได้เดินทางมาแจ้งความดังกล่าว
ทางด้าน พ.ต.ท.ยศวัฒน์ นิติรัฐพัฒนคุณ สารวัตรสอบสวน สภ.คลองหลวง กล่าวว่า เรื่องนี้ก็จะนำเรื่องเข้าให้กับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องกับเทคโนโลยีเพื่อหาผู้กระทำความผิด และผู้กระทำความผิดนั้น ได้ทำเพจนี้ขึ้นมาซึ่งทางผู้เสียหายก็ยืนยันแล้วว่าเป็นเพจปลอม และการใช้ภาพบุคคลอื่นนั้นก็ผิดกฏหมายอยู่แล้วและจะได้ติดตามผู้การทำความผิดมาดำเนินคดีต่อไป