MGR Online - ผู้ช่วย ผบ.ตร.ชี้ 15 คนงานถูกตำรวจ สภ.บางแก้ว จับดำเนินคดีฐานฝ่าเคอร์ฟิว เพราะทำโอที ไม่เข้าเกณฑ์ยกเว้นตาม พ.ร.ก.ฉุกเฉิน ยัน จนท.ฉีกเอกสารผ่านด่านหลังการจับกุมแล้ว
วันนี้ (23 เม.ย.) ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ตร.) พล.ต.ท.ดำรงศักดิ์ กิตติประภัสร์ ผู้ช่วยผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ กล่าวถึงกรณีตำรวจ สภ.บางแก้ว จ.สมุทรปราการ จับกุมดำเนินคดีกลุ่มแรงงานต่างด้าวที่ฝ่าฝืน พ.ร.ก.ฉุกเฉิน โดยอ้างว่า เพิ่งเลิกงานหลังเวลา 22.00 น.โดยมีเอกสารยืนยันจากบริษัทต้นสังกัดการทำงาน แต่ถูกตำรวจดำเนินคดี และฉีกเอกสารทิ้ง ว่า จากการตรวจสอบเหตุการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้นเมื่อเวลา 23.50 น. วันที่ 21 เม.ย.ที่ผ่านมา ขณะที่ตำรวจ สภ.บางแก้ว ตั้งด่านเคอร์ฟิว พบรถกระบะขนคนงานมาทั้งหมด 15 คน กลับจากการทำงานก่อสร้างรถไฟฟ้าสายสีเหลือง ย่านบางนา โดยมีเอกสารยืนยันจากบริษัทต้นสังกัดว่า มีการทำงานจริง แต่เมื่อตำรวจตรวจสอบพบว่าเป็นการทำงานล่วงเวลา หรือ ทำโอที ไม่ใช่เป็นการทำงานเป็นกะในเวลากลางคืน จึงถือว่าไม่เข้ากลักเกณฑ์การให้ยกเว้น จึงดำเนินคดีข้อหาฝ่าฝืน พ.ร.ก.ฉุกเฉิน
“ประชาชนที่มีความจำเป็นต้องเดินทาง หรือทำงานในช่วงเวลาเคอร์ฟิว แต่อยู่นอกหลักเกณฑ์ที่ยกเว้น ก็ยังมีทางออกให้ คือ ต้องขอกำนัน, ผู้ใหญ่บ้าน นายอำเภอ, ผู้อำนวยการสำนักงานเขต หรือ หัวหน้าสถานีตำรวจ ออกเอกสารอนุญาตให้ เพื่อเป็นหลักฐานยื่นให้เจ้าหน้าที่ด่าน” ผู้ช่วย ผบ.ตร.ระบุ
ส่วนกรณีที่ฝ่ายแรงงานระบุว่า ตำรวจฉีกเอกสารรับรองการทำงานของคนงานกลุ่มดังกล่าว ได้สั่งการให้ พล.ต.ต.ชุมพล พุ่มพวง ผบก.ภ.จว.สมุทรปราการ ตั้งคณะกรรมตรวจสอบข้อเท็จจริง กรณีตำรวจฉีกเอกสารดังกล่าวทิ้ง โดยเบื้องต้นการฉีกเอกสารเกิดคนละห้วงเวลา ไม่ได้ฉีกขณะตรวจสอบจับกุม แต่ฉีกหลังจากดำเนินการตรวจสอบไปแล้ว ซึ่งตำรวจประจำด่านเห็นว่าไม่ได้เป็นเอกสารสำคัญอะไร จึงฉีกทิ้งไป
ด้าน พ.ต.อ.กฤษณะ พัฒนเจริญ รองโฆษก ตร. เปิดเผยว่า ขณะนี้ผู้ต้องหาทั้ง 15 คน ได้ขออนุญาตประกันตัวในชั้นสอบสวน โดยมีหลักทรัพย์ประกันเป็นเงินสด จำนวนคนละ 40,000 บาท ซึ่งพนักงานสอบสวนจะต้องรวบรวมพยานหลักฐานและส่งสำนวนต่อศาลแขวงสมุทรปราการ ภายในระยะเวลา 30 วัน
ในส่วนประเด็นที่มีการฉีกเอกสารตามที่เป็นข่าวนั้น หลังจากที่ได้มีคำสั่งตั้งกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริงในเรื่องที่เกิดขึ้น พร้อมรายงานผลการตรวจสอบข้อเท็จจริงทราบภายใน 7 วัน คณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริง ได้ดำเนินการรวบรวมพยานหลักฐานและสอบปากคำผู้ที่เกี่ยวข้องไปแล้วหลายปาก
ทั้งนี้ พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา ผบ.ตร. ได้กำชับให้เร่งตรวจสอบข้อเท็จจริง ด้วยความรวดเร็ว รอบคอบ และเป็นธรรมกับทั้งสองฝ่าย พร้อมทั้งกำชับการปฏิบัติของ จนท.ประจำด่านตรวจฯ ขอให้ใช้ดุลพินิจและความสุภาพ พยายามอดกลั้น อย่าให้มีการโต้แย้งกับประชาชน โดยเฉพาะประชาชนผู้มีรายได้น้อยหาเช้ากินค่ำ รวมถึงการสร้างช่องทางการรับรู้ ความเข้าใจ ให้กับประชาชนในการขอยกเว้น ออกนอกเคหสถานระหว่างเวลา 22.00 น. ถึงเวลา 04.00 น. ของวันรุ่งขึ้น ตลอดจนการบังคับใช้กฎหมายอย่างสมเหตุสมผล โดยอาศัยหลักนิติรัฐ และ นิติธรรม ในการทำงาน
สำหรับผลการปฏิบัติช่วงเคอร์ฟิว ตั้งแต่วันที่ 3-23 เม.ย. 63 ที่ผ่านมา พบผู้ฝ่าฝืนออกนอกเคหสถานโดยไม่มีเหตุผลสมควร กว่า 16,000 คน และ ผู้ฝ่าฝืนรวมกลุ่ม ชุมนุม หรือมั่วสุม ในลักษณะเสี่ยงต่อการแพร่เชื้อกว่า 1,800 คน เห็นได้ว่ายังคงมีผู้ที่ฝ่าฝืนข้อกำหนด ตามประกาศฯ เป็นจำนวนมาก ขณะเดียวกัน ขอบคุณประชาชนส่วนใหญ่ที่ให้ความร่วมมือปฏิบัติได้ดี เพื่อลดอัตราความเสี่ยงต่อการแพร่เชื้อหรือติดเชื้อโรคด้วย