MGR Online - รองโฆษก ตร.ชี้แจงกรณีจับกุมดำเนินคดี 15 คนงานเทปูน ฝ่าเคอร์ฟิว ชี้ไม่ได้เป็นอาชีพที่จำเป็นต้องกระทำภายในช่วงเวลาพิเศษ และไม่ได้รับอนุญาตจากเจ้าหน้าที่ ด้าน ผบก.ภ.จว.สมุทรปราการ ตั้งกรรมการสอบหาตัวมือฉีกเอกสาร
วันนี้ (22 เม.ย.) พ.ต.อ.กฤษณะ พัฒนเจริญ รองโฆษก ตร. ขอเปิดเผยถึงกรณีที่สื่อสังคมออนไลน์นำเสนอข่าว “คนงานเทปูนร้องไห้ ตร.ฉีกเอกสารผ่านเคอร์ฟิวทิ้งขยะ จับยัดคุกผิด พ.ร.ก.ฉุกเฉิน” ในพื้นที่ สภ.บางแก้ว ว่า ได้รับรายงานจาก สภ.บางแก้ว ว่า เมื่อวันที่ 20 เม.ย. 63 เวลาประมาณ 23.50 น. เจ้าหน้าที่ตำรวจ, ทหาร และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ได้ตั้งจุดตรวจมั่นคงสกัด COVID-19 ที่บริเวณหน้าห้างสรรพสินค้าโลตัส ถนนบางนา-ตราด กม.8 เขตพื้นที่ สภ.บางแก้ว พบรถยนต์กระบะ ยี่ห้อฟอร์ด สีเทาดำ หมายเลขทะเบียน บท 6530 ปทุมธานี ขับผ่านเข้ามาที่จุดตรวจและมีผู้โดยสารมากับรถอีก จำนวน 14 คน จึงเรียกให้หยุดเพื่อทำการตรวจสอบ เนื่องจากช่วงเวลาดังกล่าวมีการฝ่าฝืน พ.ร.ก.ฉุกเฉิน ออกนอกเคหสถานระหว่างเวลา 22.00-04.00 น.
จากการสอบถามทราบว่า ทั้ง 15 คน มีอาชีพกรรมกรก่อสร้าง ทำงานเป็นลูกจ้างของบริษัทแห่งหนึ่ง รับเหมาก่อสร้างเทคอนกรีตลานจอดรถสถานีรถไฟฟ้าสายสีเหลือง เขตพื้นที่ สน.บางนา เนื่องจากทำงานต่อ จึงทำให้ต้องเลิกงานหลังเวลา 22.00 น. ซึ่งกำลังจะเดินทางกลับที่พัก ซึ่งอยู่ในเขตพื้นที่ อ.ลำลูกกา จ.ปทุมธานี และผู้ต้องหาได้แสดงสำเนาหนังสือของบริษัทฯ เรื่อง ขอทำงานล่วงเวลา ลงวันที่ 20 เม.ย. 63 ซึ่งเจ้าหน้าที่ตำรวจและหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ได้พิจารณาแล้วเห็นว่าผู้ต้องหาทั้งหมดไม่ได้รับการยกเว้นให้ออกนอกเคหสถานในช่วงเวลาห้าม และไม่ได้ประกอบอาชีพซึ่งจำเป็นต้องกระทำภายในช่วงเวลาพิเศษ ตามข้อกำหนดที่ออกตาม พ.ร.ก.บริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน พ.ศ. 2548 (ฉบับที่ 3) ข้อ 1(6) และไม่ได้รับอนุญาตเป็นการเฉพาะรายจากพนักงานเจ้าหน้าที่ในกรณีจำเป็นอื่นๆ ตามข้อ 1(7) จึงได้แจ้งข้อกล่าวหาให้ผู้ต้องหาทั้ง 15 คน ทราบว่า ออกนอกเคหสถานระหว่างเวลา 22.00 น. ถึงเวลา 04.00 น. ของวันรุ่งขึ้น ซึ่งไม่ได้รับการยกเว้น หรือมีเหตุจำเป็นอื่นๆ อีกทั้งไม่ได้รับอนุญาตจากพนักงานเจ้าหน้าที่ จึงทำการควบคุมตัวส่งพนักงานสอบสวนดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป
รองโฆษก ตร.กล่าวต่ออีกว่า ในส่วนประเด็นที่มีการฉีกเอกสารตามที่เป็นข่าวนั้น ขณะนี้ พล.ต.ต.ชุมพล พุ่มพวง ผบก.ภ.จว.สมุทรปราการ ได้สั่งการให้ตั้งกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริงในประเด็นดังกล่าวแล้ว โดยหากพบว่ามีการกระทำความผิดจริง จะดำเนินการทางวินัยอย่างเด็ดขาด ไม่มีละเว้น ไม่มีการให้ความช่วยเหลือ ว่ากันไปตามข้อเท็จจริงพยานหลักฐานที่ปรากฏ แต่อย่างไรก็ตาม คงต้องให้ความเป็นธรรมกับทั้งสองฝ่าย ในการพิสูจน์ข้อเท็จจริงที่เกิดขึ้น โดยให้รายงานผลการตรวจสอบโดยเร็ว เพื่อคลี่คลายข้อสงสัยของสังคม