รายการ “ข่าวลึก ปมลับ” ออกอากาศทาง NEWS1 ล้วงปมลึก คลายปมลับ ตีแผ่ประเด็นร้อน กับ นพรัฐ พรวนสุข บก.ข่าวการเมือง และกระบวนการยุติธรรม วันพุธที่ 22 เมษายน 2563 ตอน ปมค่าไฟแพง การเมืองในวิกฤติ “สนธิรัตน์” โชว์เพาว์ ค้ำเก้าอี้ รมต.
สถานการณ์สู้ศึกไวรัสโควิด-19 รอบนี้ ว่าไปแล้ว ในช่วงวิกฤต มีนักการเมืองหลายคนที่ทำเสียชื่อเสียงเพราะทำหน้าที่บกพร่อง หรือบางคนหน้ามืด ฉกฉวยโอกาสหาเรื่องไม่ดีใส่ตัวเอง ซ้ำเติมความเดือดร้อนให้ประชาชน จนถูกสังคมบ่นด่า และถูกนายกรัฐมนตรีลดบทบาทไป
แต่ท่ามกลางวิกฤติ สถานการณ์ย่อมสร้างวีรบุรุษ ขึ้นอยู่ที่ว่าใครจะม้วนตัวเองเข้ามาอยู่ในสถานการณ์ และฉลาดพอที่จะใช้สถานการณ์เป็นคุณให้กับตัวเอง
ในรอบนี้ ที่มองเห็นหน้าตาตัวตนชัดๆ ก็มีรัฐมนตรีคนหนึ่งที่โดดเด่น เป็นหนึ่งรัฐมนตรี ที่ทำงานเร็ว สามารถเข้าแก้ปัญหาความเดือดร้อนให้กับสังคมและประชาชนอย่างทันท่วงที ก็คือ
นายสนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน
รัฐมนตรีสนธิรัตน์ ใช้หูเงี่ยฟังความเดือดร้อนของสังคม และกระโดดเข้ามาแก้ปัญหาทันทีสำหรับเรื่องที่อยู่ในอำนาจกระทรวงพลังงาน เริ่มจากงานแรก ตั้งแต่เกิดช่วงเกิดวิกฤตขาดแคลน เจลแอลกอฮอล์ล้างมือ
ซึ่งเป็นปัญหาใหญ่ที่เกิดขึ้นพร้อมๆกับการขาดแคลนหน้ากากอนามัย เพราะของจำเป็นสองสิ่งนี้มีการผลิตไม่พอ และมีพ่อค้าหน้าเลือดกักตุนเอาไว้ หรือมีขาย ก็โดนโก่งราคา ขายแพงหูฉี่
ปัญหาของเจลแอลกอฮอล์ หาได้ยาก หนำซ้ำยังราคาแพง แถมเสี่ยงจะเป็นของไม่ได้มาตรฐาน จากสาเหตุที่เอทานอลที่ใช้ผลิตเจลล้างมือขาดตลาด เลยมีคนหัวใสใจดำ ทำปลอมแปลงออกมาขายกันเกลื่อน
เรื่องนี้ คงจำกันได้ว่า สนธิรัตน์ ได้ไปเร่งปลดล็อก โดยให้กระทรวงพลังงาน ส่งหนังสือด่วนถึง กรมสรรพสามิต กระทรวงการคลัง เพื่อแจ้งให้พิจารณาอนุญาตนำเอทานอลไปผลิตเจลล้างมือได้
สั่งให้กรมสรรพสามิต ไม่ต้องขอความเห็นชอบจากกระทรวงพลังงาน เพราะถือเป็น สถานการณ์เร่งด่วน จนทำให้ช่วยคลี่คลายการขาดแคลนอุปกรณ์สำคัญในการรรับมือโควิด ไปได้ระดับหนึ่ง
มาล่าสุด สนธิรัตน์สร้างชื่ออีกรอบ กับกรณี การเข้ามา แก้ปัญหาค่าไฟแพง และออกมาตรการช่วยแก้ความเดือดร้อนให้ประชาชน ที่แม้ไม่ตอบโจทย์ทั้งหมด บางฝ่ายอาจไม่เห็นด้วย แต่ก็ถือว่า ช่วยแก้ปัญหาให้ประชาชนไปได้เปราะหนึ่ง
โดยมติที่ประชุมคณะรัฐมนตรีเมื่อ 21 เม.ย.ที่ผ่านมา เห็นชอบกับมาตรการลดค่าครองชีพ ช่วยประชาชนในเรื่อง ค่าไฟฟ้า เพื่อแบ่งเบาภาระค่าใช้จ่ายในช่วงวิกฤตโควิด 19 ที่จะมีประชาชนได้ประโยชน์จากมาตรการดังกล่าว ประมาณ 22 ล้านครัวเรือน
สำหรับการนี้ รัฐบาลกันเงินไว้ใช้กับโปรเจคต์นี้ สามเดือน บนหน้าตักร่วม23,688 ล้านบาท
ต้องยกให้เป็นผลงานชิ้นโบว์แดงของสนธิรัตน์ อีกหนึ่งงาน ที่เข้ามาแก้ปัญหาค่าไฟแพง ดับทุกข์ให้ประชาชน หลังจากสังคมบ่นกันระงม ดังไปทั่วแผ่นดิน กับบิลแจ้งค่าไฟฟ้าประจำเดือนมีนาคม ที่ส่วนใหญ่ค่าไฟพุ่งพรวด ทะลุที่เคยจ่ายแบบรับไม่ได้ เพราะถ้าไม่ถูกมั่ว ก็ถูกโกงแน่
เป็นเรื่องที่คนไทยรับไม่ได้ เนื่องจากช่วงนี้อยู่ในระหว่างกักตัวเพื่อชาติ-work from home ค่าไฟก็ควรจะเป็นปกติ ไม่ใช่มาฉกฉวยจังหวะฉกเงินไปอย่างหน้าเลือดเช่นนี้ จนสุดท้าย สนธิรัตน์ ต้องลงมา รับหน้าเสื่อ จัดการปัญหาเฉพาะหน้า ซื้อใจประชาชน 22 ล้านครัวเรือน ในสามรอบบิลคือ มีนาคม ถึงพฤษภาคม
คือบ้านที่ใช้มิเตอร์ไฟขนาดไม่เกิน 5 แอมป์ จะได้ใช้ฟรี 150 หน่วย หากเกินก็จะได้ใช้ฟรีเช่นกัน เนื่องจากกลุ่มนี้จะใช้ไม่เกินปริมาณ 150 หน่วยเป็นปกติ และถือว่าใช้ไฟน้อย
ส่วนครัวเรือนไหน มิเตอร์ไฟขนาดเกิน 5 แอมป์ หากใช้มากกว่าเดือน ก.พ. แต่ไม่เกิน 800 หน่วย ให้จ่ายค่าไฟฟ้าเท่าเดือน ก.พ. แต่หากใช้เกิน 800 หน่วย แต่ไม่เกิน 3,000 หน่วย ให้จ่ายค่าไฟฟ้าเท่าเดือน ก.พ.
บวกกับส่วนที่เกิน ซึ่งได้รับส่วนลด 50 เปอร์เซ็นต์ และหากใช้เกิน 3,000 หน่วย ให้จ่ายค่าไฟฟ้าเท่าเดือน ก.พ. บวกกับส่วนเกิน ซึ่งได้รับส่วนลด 30 เปอร์เซ็นต์ โดยการลดหย่อนดังกล่าวจะมีการคืนค่าใช้จ่ายให้ในรอบบิลถัดไป
แน่นอนว่า ทุกนโยบาย ทุกมาตรการย่อมมีคนเห็นด้วย ไม่เห็นด้วย เป็นเรื่องปกติ มาตรการลดค่าไฟนี้ก็เช่นกัน มีคนเห็นว่ายังไม่ใช่การช่วยเหลือประชาชนจริง แต่ก็คงพอช่วยบรรเทาความเดือดร้อนประชาชนไปได้ไม่มากก็น้อย
ขณะเดียวกัน ปมค่าไฟแพง ดูไปแล้ว คงไม่จบง่ายๆ เพราะเป็นเรื่อง ใกล้ตัวประชาชน มีผลกระทบกับคนจำนวนมาก ส่งผลให้ สองตัวรุก อย่างศรีสุวรรณ จรรยา และวัชระ เพชรทอง ออกมาแฉต้นตอค่าไฟในประเทศไทยแพง เพราะมีสาเหตุมาจากไหน
โดย เดี่ยวมือ ศรีสุวรรณ จรรยา เลขาธิการสมาคมองค์การพิทักษ์รัฐธรรมนูญไทย อ้างว่า สาเหตุหนึ่งที่ทำให้ต้นทุนของการผลิตไฟฟ้าแพงมาก คือ การจัดซื้อจัดหาพัสดุครุภัณฑ์สำหรับการซ่อมบำรุง สถานีไฟฟ้าแรงสูง และสถานีไฟฟ้าย่อยในพื้นที่ต่างๆ ทั่วประเทศ
มีการจัดซื้อจัดหากัน ในราคาแพงกว่าที่ซื้อขายในท้องตลาดทั่วไปมากกว่า 10 เท่าและมีคุณภาพต่ำ จนสุดท้ายถูกนำไปรวมเป็นค่าต้นทุนการผลิตและบริการของการไฟฟ้า และถูกนำไปรวมเป็นค่า FT จนค่าไฟฟ้า แพงกว่าความเป็นจริง
ทางด้าน วัชระ เพชรทอง อดีตส.ส.จอมแฉ แห่งพรรคประชาธิปัตย์ ไปยื่นหนังสือถึงพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี พร้อมเปิดหลักฐานสาเหตุไฟฟ้าแพง เพราะคณะกรรมการกำกับกิจการพลังงาน ไปสั่งให้การไฟฟ้าฝ่ายผลิต
ลงทุนสายส่ง 7,250 ล้านบาทแทนเอกชน เสร็จแล้วไปคิดในอัตราค่าไฟฟ้าจากประชาชนทั้งประเทศ และให้แก้ไขสัญญาซื้อไฟจากเอกชนที่บังคับให้จ่ายเต็มจำนวนในแต่ละวัน เลยทำให้ ประชาชนใช้ไฟแพง
ปมค่าไฟแพง เป็นเผือกร้อนในมือ สนธิรัตน์ ถ้าเคลียร์ปัญหาได้ก็จบเร็ว จะเป็นผลดีกับสังคมแน่นอน และจะเป็นผลบวกไปถึงบารมีทางการเมือง ซึ่งจะช่วยให้เก้าอี้ รมว.พลังงาน อยู่กับสนธิรัตน์ต่อไป
เพราะเก้าอี้ รมว. พลังงาน ที่คนในพรรคพลังประชารัฐ จ้องตาเป็นมัน มีแกนนำบางกลุ่มในพรรค จ้องเลื่อยขาเก้าอี้ สนธิรัตน์ เพื่อหวังเสียบแทน
เช่นเดียวกับเก้าอี้ เลขาธิการพรรคพลังประชารัฐ ที่ข่าวลือยังหนาหูว่า สองเสี่ย ฮ. ในพรรคพลังประชารัฐ เล็งๆไว้ ว่าพร้อมจะขึ้นมาแทน หากโอกาสมาถึง
สนธิรัตน์จะเผลอการ์ดตก เปิดช่องให้โอกาสคนจ้องเสียบ ไม่ได้อย่างเด็ดขาด