MGR Online - กองปราบจับพ่อปืนโหด ยิงคู่อริลูกชายดับหน้าผับชลบุรี พบคดีติดตัวเพียบ ทั้งทำร้ายร่างกาย พกพาอาวุธปืน แม้แต่เมียก็ยังมีหมายจับคดีฉ้อโกง
วันนี้ (22 เม.ย.) ที่ กองปราบปราม พล.ต.ต.จิรภพ ภูริเดช ผบก.ป. สั่งการ พ.ต.อ.บุญลือ ผดุงถิ่น ผกก.3 บก.ป. พ.ต.ต.ณัฐดนัย สีแข่ไตร สว.กก.3 บก.ป.จับกุม นายนเรศ พัดทอง อายุ 45 ปี ตามหมายจับศาลจังหวัดชลบุรี ที่ จ.670/2553 ลง 27 ต.ค. 53 ข้อหา “ร่วมกันฆ่าผู้อื่นโดยเจตนา, มีอาวุธและเครื่องกระสุนปืนไว้ใความครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต” ได้ที่หน้าร้านเครื่องเสียง ปากซอยชากนอก 16 ถ.ชากนอก ต.ห้วยใหญ่ อ.บางละมุง จ.ชลบุรี
ทั้งนี้ นายนเรศ ผู้ต้องหารายนี้ มีพฤติการณ์ชอบทำตัวเป็นอันธพาล มักจะพกอาวุธปืนติดตัวอยู่ตลอดเวลา โดยสอบพบประวัติก่อเหตุมาหลายคดี เมื่อปี 2550 ได้ขับขี่รถยนต์ไปกับ น.ส.วิภารัตน์ (สงวนนามสกุล) แฟนสาว เมื่อถึงจุดตรวจ สภ.แสนสุข จ.ชลบุรี นายนเรศ กลับรีบจอดรถทิ้งแล้วหลบหนีไป เจ้าหน้าที่ตรวจค้นพบอาวุธปืนอยู่ภายในรถ จึงตรวจยึดรถและปืนพร้อมขอออกหมายจับนายนเรศในข้อหา “ร่วมกันมีอาวุธปืนและเครื่องกระสุนปืนไว้ในความครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต และพกพาอาวุธปืนและเครื่องกระสุนปืน”
ต่อมาทราบอีกว่า เมื่อคืนวันที่ 14 พ.ค. 52 นายนเรศ พร้อมด้วย นายสิทธิชัย บุตรชาย ร่วมกันก่อเหตุใช้อาวุธมีดและท่อนไม้ แทงและทุบตี นายวีระพล (สงวนนามสกุล) จนบาดเจ็บสาหัสในพื้นที่ของ สภ.ศรีราชา จากนั้นเมื่อช่วงปลายปี 53 นายนเรศ และ นายสิทธิชัย ได้พากันไปเที่ยวที่สถานบันเทิงแห่งหนึ่งในพื้นที่ของ สภ.หนองขาม ระหว่างนั้น นายสิทธิชัย เกิดเรื่องทะเลาะวิวาทกับวัยรุ่นอีกกลุ่มหนึ่ง ซึ่งฝ่ายคู่อริคิดว่าพวกตนมีคนมากกว่า จึงพากันเข้ารุมทำร้ายนายสิทธิชัย แต่ นายนเรศ เห็นเข้าพอดี จึงได้ใช้อาวุธปืนที่พกติดตัวมาด้วยยิงใส่จนมีผู้เสียชีวิต 1 ราย ก่อนที่พ่อ-ลูก จะพากันหลบหนีไป จากนั้นเจ้าหน้าที่ชุดจับกุมสืบทราบว่า นายนเรศ มาเปิดร้านเครื่องเสียง อยู่ที่บริเวณปากซอยชากนอก 16 อ.บางละมุง จึงเข้าจับกุมตัวได้ดังกล่าว
สอบสวน นายนเรศ ให้การยอมรับสารภาพตลอดข้อกล่าวหา จึงนำตัวส่ง สภ.หนองขาม ดำเนินคดี
รายงานว่า ขณะจับกุม เจ้าหน้าที่พบตัว น.ส.ณภัทร แก้วมณี อายุ 37 ปี ภรรยาของผู้ต้องหาอยู่ด้วย ตรวจสอบพบว่า มีหมายจับศาลจังหวัดฉะเชิงเทรา ที่ จ.5/2563 ลง 10 ม.ค. 53 ข้อหา “ร่วมกันฉ้อโกงทรัพย์” อีก 1 คดี จึงเข้าจับกุมตัวพร้อมกัน ก่อนส่งให้สภ.บางน้ำเปรี้ยว ดำเนินคดีต่อไป
