MGR Online - ผบ.ตร.กำชับดำเนินคดีเฉียบขาด แก๊งโจ๋ลูกจ้างตลาดสดหาดใหญ่ ยกพวกถล่มอริกลางดึก ท้าทาย พ.ร.ก.ฉุกเฉินฯ ล่าสุด ตำรวจตามรวบได้ยกกระบิ แจ้ง 3 ข้อหาหนัก
วันนี้ (12 เม.ย.) พ.ต.อ.กฤษณะ พัฒนเจริญ รองโฆษก ตร. เปิดเผยถึงความคืบหน้ากรณี แก๊งลูกจ้างตลาดสดหาดใหญ่ เปิดศึกไล่ยิงรุมทำร้ายอริกลางดึกที่ผ่านมา ว่า ได้รับรายงานจาก สภ.หาดใหญ่ ว่า เมื่อวันที่ 11 เมษายน 2463 เวลาประมาณ 21.40 น. รับแจ้งเหตุทำร้ายร่างกาย บริเวณ ซ.โชคสมาน 5 ต.หาดใหญ่ อ.หาดใหญ่ จ.สงขลา จึงได้เดินทางไปตรวจสอบที่เกิดเหตุ ทราบว่า ผู้ได้รับบาดเจ็บ ชื่อ นายพิษณุ พิมพงค์ อายุ 29 ปี ถูกนำตัวส่งโรงพยาบาล พยานที่เห็นเหตุการณ์ให้การว่า คนร้ายที่ก่อเหตุมีประมาณ 4-5 คน ขับขี่รถจักรยานยนต์ 3 คัน หนึ่งในคนร้ายทราบชื่อเล่นว่า ดำ คือ คนที่ก่อเหตุใช้อาวุธปืน ยิงเข้าไปในบ้าน ประมาณ 4 นัด กระจกได้รับความเสียหาย กระทั่งผู้บาดเจ็บได้กระโดดลงมาจากบ้าน จากนั้นกลุ่มคนร้ายจึงได้ตามเข้ามารุมทำร้ายร่างกายจนสลบ แล้วขับขี่รถจักรยานหลบหนีไป
ต่อมาจากการสืบสวนทราบว่า ผู้ก่อเหตุพักอาศัยอยู่บ้านเช่า ซ.4 รัตนอุทิศ ต.หาดใหญ่ อ.หาดใหญ่ จ.สงขลา เจ้าหน้าที่ตำรวจชุดจับกุมจึงได้เดินทางไปตรวจสอบ พบ นายสิทธิพงค์ หรือ ขวด นวนประสงค์ อายุ 23 ปี ให้การรับว่า เป็นผู้ที่ไปก่อเหตุร่วมกับนายดำพร้อมพวกจริง เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงร่วมกันจับกุมตัวนายขวด ในข้อหาร่วมกันพยายามฆ่าผู้อื่นโดยเจตนา ร่วมกันมีอาวุธปืน และเครื่องกระสุนปืนโดยไม่ได้รับอนุญาตและร่วมกันพาอาวุธปืน มีด เข้าไปในเมือง หมู่บ้าน หรือทางสาธารณะ โดยไม่มีเหตุอันควร ส่งพนักงานสอบสวนดำเนินคดีตามกฎหมาย
รองโฆษก ตร. กล่าวอีกว่า คดีนี้พนักงานสอบสวนได้รวบรวมพยานหลักฐานที่เกี่ยวข้อง สอบปากคำพยาน รอผลตรวจจากแพทย์และที่เกี่ยวข้อง โดยฝ่ายสืบสวนได้พิสูจน์ทราบถึงตัวผู้กระทำความผิดทั้งหมดเเล้ว อยู่ระหว่างติดตามตัวมาดำเนินคดีตามขั้นตอนของกฎหมาย
อีกทั้ง พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา ผบ.ตร. ได้สั่งการให้ดำเนินคดีอย่างเฉียบขาด โดยเฉพาะอย่างยิ่งในช่วงการประกาศ พ.ร.ก.ฉุกเฉินฯ ห้ามมิให้บุคคลออกนอกเคหสถานภายในระยะเวลาที่กำหนด และห้ามมิให้มีการชุมนุม ทำกิจกรรมหรือมั่วสุมกัน ในลักษณะที่เสี่ยงต่อการแพร่เชื้อโรคไวรัส covid-19 หากฝ่าฝืนจะมีโทษจำคุกไม่เกิน 2 ปี หรือ ปรับไม่เกิน 40,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ ทั้งนี้ ได้กำชับให้เจ้าหน้าที่ตำรวจทุกหน่วยในทุกพื้นที่เร่งสืบสวน ปราบปราม จับกุมผู้กระทำความผิดอย่างจริงจังและต่อเนื่อง เพื่อความปลอดภัยของพี่น้องประชาชน