ผบช.ก.สั่งสกัดจับ"สมคิด" ฆาตกรโรคจิตทุกเส้นทางเผยภรรยาเคยให้ข้อมูลว่า สามีเป็นคนดีมาก สุภาพ เรียบร้อย ชอบช่วยเหลือทำงานบ้านไม่ใช่คนอารมณ์โมโหร้าย
วันนี้ (17 ธ.ค.) ที่ กองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง (บช.ก.) พล.ต.ท.สุทิน ทรัพย์พ่วง ผบช.ก. เปิดเผยถึงการติดตามตัวนายสมคิด พุ่มพวง ฆาตกรต่อเนื่อง ว่า ขณะนี้ได้สั่งการให้เจ้าหน้าที่ตำรวจในสังกัด อาทิ กองปราบปราม ตำรวจทางหลวง ตำรวจรถไฟ ตำรวจ บก.ปคม.และทุกกองบังคับการในสังกัด สืบสวนติดตามตัวอย่างเร่งด่วนแล้ว เพราะผู้ต้องหารายนี้ถือเป็นภัยอันตรายกับประชาชน โดยเน้นสั่งการให้เฝ้าจับตาตรวจค้นบุคคลที่มีพฤติกรรมต้องสงสัยลักษณะคล้ายคนร้ายเป็นหลักแล้ว
ด้าน พล.ต.ต.จิรภพ ภูริเดช ผบก.ป. กล่าวว่า สำหรับแรงจูงใจในการก่อเหตุของนายสมคิดนั้น ในมุมมองส่วนตัวเมื่อพิจารณาจากข้อมูลคดีเก่าๆ แล้วพบว่า นายสมคิดอาจเสพติดการใช้ความรุนแรงจึงก่อเหตุลักษณะเดียวกันต่อเนื่อง และอาจมีอาการผิดปกติทางจิตซึ่งคนทั่วไปมองจากภายนอกไม่ออก จึงขอให้เฝ้าระวังภัย หากพบเห็นเบาะแสที่มีประโยชน์ ก็สามารถแจ้งได้ที่กองปราบปรามหรือ ตำรวจหน่วยงานอื่นๆ ที่เกี่ยวข้องได้ ซึ่งขณะนี้ทางเพจเฟซบุ๊กกองปราบเองก็ได้มีการลงรูปภาพหน้าตา ตำหนิรูปพรรณของนายสมคิดพร้อมกับข้อความประกาศว่านายสมคิดเป็นบุคคลอันตรายและกำลังเป็นบุคคลที่ทางการกำลังต้องการตัว หรือ MOST WANTED อีกทางหนึ่ง
ขณะที่ทาง พ.ต.อ.บุญลือ ผดุงถิ่น ผกก.3 บก.ป. กล่าวว่า ในวันนี้ได้มีการจัดส่งกำลังลงพื้นที่ตรวจสอบบ้านที่เกิดเหตุอีกครั้งเพื่อเก็บพยานหลักฐานเพิ่มเติมพร้อมกับสอบปากคำพยานแวดล้อมต่างๆ เพื่อนำมาประกอบการวิเคราะห์ประเมินสถานการณ์ความคืบหน้า โดยในเบื้องต้นทราบว่าภายหลังก่อเหตุนายสมคิด ไม่ได้มีการนำทรัพย์สินมีค่าติดตัวไป รวมถึงโทรศัพท์มือก็ทิ้งไว้ในที่เกิดเหตุ มีเพียงแค่รถจักรยานยนต์ยี่ห้อ ยามาฮ่า มีโอ สีชมพู เพียงคันเดียวที่ใช้เป็นยานพาหนะในการหลบหนี จึงได้เร่งทำการตรวจสอบภาพจากกล้องวงจรปิดในพื้นที่ใกล้เคียงเพื่อหาเบาะแสเกี่ยวกับเส้นทางการหลบหนี เพราะเชื่อว่าขณะนี้คนร้ายน่าจะยังไม่สามารถหนีไปได้ไกล
พ.ต.อ.บุญลือ กล่าวอีกว่า จากแนวทางการสืบสวนของทางกองปราบ ขณะนี้ยังคงพยายามมุ่งไปที่บ้านพักของญาติหรือบุคคลใกล้ชิดของนายสมคิด ตามจังหวัดต่างๆ ในพื้นที่ภาคอีสานและทางภาคใต้ รวมไปถึงบ้านพักของกลุ่มบุคคลที่คาดว่า นายสมคิดเลือกจะติดต่อไปหาในช่วงแรกหลังจากที่พ้นโทษออกมาเมื่อกลางปี เพราะเชื่อว่านายสมคิดอาจจะเลือกใช้เป็นสถานที่ในการหลบหนีการติดตามตัวของเจ้าหน้าที่ ซึ่งจากการตรวจสอบประวัติการติดต่อเข้าเยี่ยมของญาติหรือบุคคลใกล้ชิดในช่วงระหว่างที่ต้องโทษอยู่ในเรือนจำเบื้องต้นนั้น พบว่าตลอดระยะเวลา 12 ปี ที่อยู่ในเรือนจำไม่เคยมีญาติหรือบุคคลใดมาติดต่อเข้าเยี่ยมนายสมคิดแม้แต่ครั้งเดียว ประกอบกับการที่นายสมคิด เองนั้นเคยถูกเจ้าหน้าที่ติดตามจับกุมตัวได้เมื่อครั้งก่อเหตุ ปี 2548 จึงทำให้ตัวนายสมคิด มีบทเรียนและรู้จักวิธีการหนีการแกะรอยสืบหาเบาะแสจากเจ้าหน้าที่ได้เป็นอย่างดี จึงทำให้ยากต่อการติดตามจับกุม
รายงานข่าวแจ้งว่า จากแนวทางสืบสวนและตรวจสอบพฤติการณ์ก่อเหตุและหลบหนีของนายสมคิด เมื่อครั้งก่อเหตุในอดีตพบว่า วิธีการหลบหนีของนายสมคิดหลังก่อเหตุเมื่อปี 2548 นั้นก็ไม่มีเงินติดตัว จึงเลือกใช้วิธีขึ้นรถไฟเพื่อหนีไปกบดานซ่อนตัวในพื้นที่จังหวัดต่างๆ ทางภาคใต้แทน ส่วนช่วงที่ต้องแวะพักระหว่างทาง นายสมคิด จะใช้วิธีการเปิดห้องพักรายวันตามโรงแรมข้างทางต่างๆ โดยอ้างว่าเป็นตัวแทนของผู้หลักผู้ใหญ่ เพื่อขอใช้บริการฟรี ซึ่งทางเจ้าหน้าที่ตำรวจเองก็ได้นำข้อมูลเหล่านี้มาวิเคราะห์ร่วมกับพยานหลักฐานต่างๆ เพื่อกำหนดแนวทางการสืบหาเบาะแสและเฝ้าระวังตามเส้นทางต่างๆ ทั้งทางรถยนต์ รถไฟ หรือช่องทางอื่นๆ ที่คาดว่านายสมคิดน่าจะใช้เป็นเส้นทางหลบหนีอีกด้วย
รายงานข่าวแจ้งอีกว่า เมื่อครั้งที่นายสมคิด ถูกจับกุมในคดีเก่าเมื่อปี 2548 นั้น เคยให้ปากคำกับพนักงานสอบสวนไว้ว่า ตัวเขานั้นไม่มีพ่อแม่หรือญาติพี่น้องคนอื่นๆ เนื่องจากพ่อแม่เสียชีวิตไปนานแล้ว ประกอบกับเป็นคนชอบความสันโดษจึงไม่เคยติดต่อหาญาติๆ ที่ผ่านมามักจะใช้ชีวิตอยู่ที่บ้านภรรยาในพื้นที่ จ.ชัยภูมิ และมีความผูกพันกับ จ.ชัยภูมิ มาก โดยทุกครั้งที่ก่อเหตุนายสมคิด จะไม่เคยเลือกลงมือฆ่าเหยื่อที่เป็นชาว จ.ชัยภูมิ หรือ ก่อเหตุในพื้นที่ จ.ชัยภูมิ แต่จะเลือกไปก่อเหตุในพื้นที่อื่นๆแทน
รายงานแจ้งด้วยว่า ทางภรรยาของนายสมคิด เคยให้ข้อมูลเกี่ยวกับพฤติกรรมส่วนตัวของนายสมคิดว่า ขณะที่ใช้ชีวิตอยู่ร่วมกัน นายสมคิด เป็นคนดีมาก สุภาพ เรียบร้อย ชอบช่วยเหลือทำงานบ้านไม่ใช่คนอารมณ์โมโหร้าย ส่วนพฤติกรรมทางเพศก็ปกติทั่วไปไม่มีการใช้ความรุนแรง แต่การที่นายสมคิด ก่อเหตุดังกล่าวเชื่อว่าตัวนายสมคิดเอง น่าจะมีปมอะไรในใจบางอย่างที่คนนอกไม่รู้ถูกปิดซ่อนอยู่จนทำให้เขาต้องกลายเป็นฆาตกรโรคจิตก่อเหตุดังกล่าว