xs
xsm
sm
md
lg

ตำรวจ ตม.รวบ 9 ชาวจีนหลอกขายพระเครื่อง นักท่องเที่ยวในวัดชลบุรี

เผยแพร่:   โดย: ทีมข่าวอาชญากรรม



MGR online - ตำรวจตรวจคนเข้าเมือง จับ 9 ชาวจีน หลอกขายพระเครื่อง ของขลังแก่นักท่องเที่ยวชาวจีน ในวัดจังหวัดชลบุรี ขณะเดียวกันยังจับหนุ่มเมียนมา ฆ่าสาวกัมพูชาเสียชีวิต พร้อมรวบหนุ่มเยอรมัน ชอบยิงปืนข่มขู่ชาวบ้าน

วันนี้ (13 ธ.ค.) เมื่อเวลา 10.30 น. ที่ สำนักงานตรวจคนเข้าเมือง (สตม.) พล.ต.ท.สมพงษ์ ชิงดวง ผบช.สตม.พร้อมด้วยพล.ต.ต.พรชัย ขันตี พล.ต.ต.สุรพงษ์ ชัยจันทร์ รองผบช สตม. พล.ต.ต.อาชยน ไกรทอง ผบก.ตม.3 พ.ต.อ.รัชธพงศ์ เตี้ยสุด ผกก.สส.บก.สส.ตม.3 พ.ต.อ.เอกนรินทร์ สุวรรณหา ผกก.ตม.จว.สมุทรสาคร และ พ.ต.ต.ลังกาศ ศรีแก้ว สว.ตม.จว.อ่างทอง ร่วมแถลงผลการจับกุมคนร้ายชาวต่างชาติหลายคดี

โดยคดีแรกจับกุมชาวจีน 9 ราย เช่าศาลาในวัด จ.ชลบุรี หลอกขายพระเครื่อง ของขลังแก่นักท่องเที่ยวชาวจีน โดยใช้หนุ่มตี๋-สาวหมวยเป็นเด็กวัด ตั้งแผงขายธูปเทียน ทำให้เงินเข้ากระเป๋านายทุนในประเทศจีน สร้างความเสียหายกับประเทศไทยทั้งเรื่องภาพลักษณ์ และรายได้เข้าประเทศ

สืบเนื่องจากเมื่อวันที่ 11 ธ.ค.ที่ผ่านมา ตำรวจกองกํากับการสืบสวนสอบสวน กองบังคับการตรวจคนเข้าเมือง 3 ร่วมกับเจ้าหน้าตรวจคนเข้าเมืองจังหวัดชลบุรี รับแจ้งจากวัดแห่งหนึ่ง กรณีมีกลุ่มคนต่างด้าวชาวจีนลักลอบทํางานขายสินค้าประเภทพระเครื่อง และให้บริการนักท่องเที่ยวชาวจีนเข้าประกอบพิธีกรรมต่างๆ ภายในวัดที่ตั้งอยู่ในตำบลบางพระ อำเภอศรีราชา จังหวัดชลบุรี โดยกลุ่มนักท่องเที่ยวดังกล่าว จะมีกลุ่มบริษัทซึ่งเป็นของนายทุนชาวจีนพำนักท่องเที่ยวเข้ามาใช้บริการ และพยายามโน้มน้าวให้เช่าวัตถุมงคลพระเครื่องประเภทต่างๆ พร้อมอธิบายพุทธคุณ และอภินิหารและหลอกขายในราคาสูงกว่าความเป็นจริงตั้งแต่หลักพันถึงหมื่นบาทตามแต่ความศรัทธา

จากนั้นจึงเข้าตรวจสอบพบ น.ส.โยว อายุ 26 ปี ชาวจีน และพวกรวม 9 ราย พร้อมของกลางพระเครื่องจำนวนหนึ่ง จึงควบคุมตัวมาสอบถามทราบว่าได้เช่าพื้นที่ในวัดมานานประมาณ 5 วัน ซึ่งชาวจีนทั้งหมดต่างทยอยกันเข้ามาด้วยวีซ่านักท่องเที่ยว

เบื้องต้นเจ้าหน้าที่แจ้งข้อหาเป็นบุคคลต่างด้าวทำงานโดยไม่มีใบอนุญาตทำงาน ก่อนควบคุมตัวส่งพนักงานสอบสวน สภ.ศรีราชา ดำเนินคดี และขยายผลหานายทุนชาวจีนที่แท้จริงต่อไป หลังพบมีบริษัทการท่องเที่ยวที่เกี่ยวข้องรวม 4 แห่ง

คดีต่อมาจับกุมนายออง ซาว อู (Mr.Aung Zaw Oo) อายุ 47 ปี ชาวเมียนมา ผู้ก่อเหตุทำร้ายหญิงชาวกัมพูชาเสียชีวิตที่หน้าวัดกลางราชครูธาราม ต.หัวตะพาน อ.วิเศษชัยชาญ จ.อ่างทอง พร้อมของกลางท่อนเหล็ก ยาว 50 ซม. 1 ท่อน

สืบเนื่องจากเมื่อวันที่ 14 พ.ย.ที่ผ่านมา เกิดเหตุทำร้ายร่างกายบริเวณหน้าวัดกลางราชครูธาราม ต.หัวตะพาน อ.วิเศษชัยชาญ จ.อ่างทอง มีผู้บาดเจ็บอาการสาหัส คือนางลืม (Mrs.Uy Roeum) อายุ 47 ปี ชาวกัมพูชา ถูกตีศีรษะด้วยของแข็ง และไปเสียชีวิตที่โรงพยาบาล ตม.จ.อ่างทอง ได้บูรณาการกับตำรวจ ภ.จว.อ่างทอง และฝ่ายปกครองได้ติดตามจับกุมนายออง ซาว อู (Mr.Aung Zaw Oo) ผู้ก่อเหตุ โดยพบของกลางคือท่อนเหล็กเปื้อนเลือดตกอยู่ และพบผู้ก่อเหตุหลบซ่อนอยู่ในพงหญ้าริมถนนไม่ไกลจากจุดเกิดเหตุ

โดยนายออง ซาว อู ยอมรับว่า เป็นบุคคลที่ก่อเหตุจริงเนื่องจากผู้ตายซึ่งเป็นแฟนสาวจะไปมีแฟนคนใหม่ เจ้าหน้าที่จึงนำตัวผู้ก่อเหตุไปทำแผนประกอบคำรับสารภาพ พร้อมแจ้งข้อหา ฆ่าผู้อื่นโดยเจตนา ก่อนนำตัวส่งพนักงานสอบสวน สภ.วิเศษชัยชาญ จ.อ่างทอง ดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป

ส่วนอีกคดีจับกุมนาย จอ เล อู อายุ 25 ปี และนายอ่อง อาว อายุ 32 ปี ชาวเมียนมา พร้อมน้ำกระท่อม 25 ขวด ใบกระท่อม 10 กิโลกรัม บุหรี่ 45 ซอง จับกุมได้ที่ห้อง A12 และ B7 ห้องเช่าไม่มีชื่อ ต.ท่าทราย อ.เมืองสมุทรสาคร จ.สมุทรสาคร

โดยเมื่อวันที่ 18 พ.ย.ที่ผ่านมา เจ้าหน้าที่ตรวจคนเข้าเมืองจังหวัดสมุทรสาคร ปิดล้อมตรวจค้นห้องเช่าไม่มีชื่อ ม.7 ต.ท่าทราย อ.เมือง จ.สมุทรสาคร หลังได้รับแจ้งจากพลเมืองดีว่า มีต่างด้าวผลิต และจำหน่ายกระท่อมให้กับคนงานต่างด้าวด้วยกัน เมื่อเข้าตรวจค้นผลปรากฏว่าห้องเลขที่ B7 พบนายจอ นั่งเทน้ำต้มพืชกระท่อมอยู่ในห้อง จึงแสดงตัวเป็นเจ้าหน้าที่ ตรวจค้นภายในห้อง พบน้ำต้มพืชกระท่อม 1.25 ลิตร 21 ขวด ใบกระท่อม 9 กก. และบุหรี่กาแรม 28 ซอง และบุหรี่พริม่า 17 ซอง รวม 45 ซอง ซึ่งไม่ได้ปิดแสตมป์ยาสูบ ส่วนห้อง A12 พบนายอ่อง พร้อมของกลางน้ำต้มพืชกระท่อมขนาด 1.25 ลิตร จำนวน 4 ขวด และใบพืชกระท่อม จำนวน 1 กก.จึงยึดไว้เป็นของกลาง โดยคนต่างด้าวทั้งสองไม่มีหนังสือเดินทาง แต่อย่างใด

เบื้องต้นแจ้งข้อหานายจอ เล อู ฐาน ผลิตยาเสพติดให้โทษประเภท 5 (น้ำต้มพืชกระท่อม) และมียาเสพติดให้โทษประเภท 5 (น้ำต้มพืชกระท่อม)ในครอบครอง เพื่อจำหน่าย มียาเสพติดให้โทษประเภท 5 (ใบ พืชกระท่อม) ไว้ในครอบครอง และเป็นคนต่างด้าวเข้ามาและอยู่ในราชอาณาจักรโดยไม่ได้รับอนุญาต และจำหน่ายซึ่งบุหรี่กาแรตที่หลีกเลี่ยงอากร และมีบุหรี่ ไว้ในครอบครองเพื่อขายโดยมิได้ปิดแสตมป์ยาสูบ
ส่วน นายอ่อง อาว แจ้งข้อหา มียาเสพติดให้โทษประเภท 5 (น้ำต้มพืชกระท่อมและใบ พืชกระท่อม) ไว้ในครอบครองและเป็นบุคคลต่างด้าวเดินทางเข้ามาและอยู่ในราชอาณาจักรโดยไม่ได้รับอนุญาต ก่อนนำตัวพร้อมของกลางส่งพนักงานสอบสวน สภ.เมือง สมุทรสาคร ดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป

และคดีสุดท้ายจับกุมนายลาส ชาวเยอรมนี และแฟนสาวไทย พร้อมของกลาง อาวุธปืนกึ่งอัตโนมัติ ขนาด 9 มม. ยี่ห้อกล็อก จำนวน 1 กระบอก ซองบรรจุกระสุน 1 อันภายในมีกระสุนปืนขนาด 9 มม. 1 นัด เครื่องกระสุนปืนขนาด 9 มม. จำนวน 139 นัด พร้อมกับตรวจยึดอาวุธปืนบีบีกัน สิ่งของลักษณะที่เจ้าหน้าที่ของรัฐใช้อีกหลายรายการ

สืบเนื่องจากเมื่อช่วงเดือนตุลาคมที่ผ่านมา เจ้าหน้าที่ตำรวจกก.สส.บก.ตม.3 และตำรวจตรวจคนเข้าเมือง จ.ชลบุรี ได้รับแจ้งข้อมูลข้อร้องเรียนจากประชาชนและลูกบ้านที่พักอาศัยอยู่ภายในหมู่บ้านมาบประชัน ว่าได้รับความหวาดกลัวและเดือดร้อนจาก นายลาส (Mr.Lars) อายุ 48 ปี ที่พักอาศัยอยู่ในหมู่บ้านเดียวกัน มีพฤติการณ์ก่อความวุ่นวายส่งเสียงดังในยามวิกาล ข่มขู่เพื่อนบ้านและยิงปืนภายในบ้านพักของตนเอง สร้างความแตกตื่นและตกใจแก่เพื่อนบ้านเป็นอย่างมาก จนเกรงจะไม่ได้รับความปลอดภัย ซึ่งนายลาสเคยพกอาวุธปืนไปที่ถนนคนเดินพัทยา ก่อนถูกตรวจค้นพบอาวุธปืนและยึดไว้ที่ สภ.เมืองพัทยา

จากการตรวจสอบพบว่านายลาส เดินทางเข้ามาครั้งสุดท้าย ทางด่าน ตม.ทอ.อากาศยานกรุงเทพ เมื่อวันที่ 8 มีนาคมที่ผ่านมา ได้รับอนุญาตถึงวันที่ 5 มิ.ย.ที่ผ่านมา ก่อนยื่นคำร้องขออยู่ต่อที่ ตม.จว.ชลบุรี เมื่อวันที่ 4 ม.ย.ได้รับอนุญาตถึงวันที่ 2 ธ.ค. โดยการอนุญาตยังไม่สิ้นสุด

เจ้าหน้าที่จึงเร่งสอบปากคำพยานที่ได้รับความเดือดร้อน สืบสวนหาข่าวเพื่อตรวจสอบพฤติกรรมของนายลาส จนกระทั่งวันที่ 19 พ.ย.ที่ผ่านมา เจ้าหน้าที่กองกำกับการสืบสวนสอบสวนกองบังคับการตรวจคนเข้าเมือง 3 ร่วมกับเจ้าหน้าที่ตรวจคนเข้าเมืองจังหวัดชลบุรี นำหมายค้นศาลจังหวัดพัทยาที่ 88/2562 ลงวันที่ 19 พฤศจิกายน 2562 เข้าตรวจค้นบ้านในหมู่บ้านมาบประชัน ต.หนองปรือ อ.บางละมุง จ.ชลบุรี และจับกุมตัวนายลาส อายุ 48 ปี สัญชาติ เยอรมัน และนางสาวสุจิตรา อายุ 28 ปี สัญชาติไทย ทั้งนี้ได้แจ้งข้อกล่าวหากับทั้งสองคนในข้อหา ร่วมกันมีอาวุธปืน และเครื่องกระสุนปืนไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต








กำลังโหลดความคิดเห็น