รายการ “ข่าวลึก ปมลับ” ออกอากาศทาง NEWS1 ล้วงปมลึก คลายปมลับ ตีแผ่ประเด็นร้อน กับ นพรัฐ พรวนสุข บก.ข่าวการเมือง และกระบวนการยุติธรรม วันพุธที่ 11 ธันวาคม 2562 ตอน “กลุ่ม 16” ทางเชื่อม “3ป.-พท. ” แก้เผ็ด ปชป. เสริมเขี้ยว “บิ๊กตู่”
แม้จะทำแท้งญัตติแต่งตั้งคณะกรรมาธิการวิสามัญศึกษาผลกระทบจากการใช้อำนาจตามมาตรา 44 ไปได้สำเร็จ แต่ความเคลื่อนไหวของรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ต่อจากนี้น่าสนใจที่สุด
โดยเฉพาะกับพรรคประชาธิปัตย์ หนึ่งในพรรคร่วมรัฐบาล ที่ถูกมองว่าไม่สามารถคุมลูกพรรคตัวเองได้ โหวตแหกมติวิปรัฐบาล โชว์ความอหังการของตัวเองอย่างท้าทาย
สะท้อนว่า สถานการณ์ภายในวันนี้ของพรรคปชป. ยังไม่ใช่สภาวะปกติ มีการแบ่งขั้วแบ่งข้างกันเองอยู่ ระหว่างสาย “เอาบิ๊กตู่” กับ “ไม่เอาบิ๊กตู่”
รวมไปถึงการทำสงครามป่วน ระหว่างสายอกหักพลาดหวังเก้าอี้รัฐมนตรี กับสายนายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ หัวหน้าพรรคคนปัจจุบัน ที่ได้มานั่งอยู่ในคณะรัฐมนตรี
เป็นการสู้รบกันเองภายใน แต่กระทบภาพรวมรัฐบาล ที่ต้องการให้ทุกเสียงไปในทิศทางเดียวกัน ซึ่ง “3ป.” ไม่แฮปปี้แน่กับสภาวะที่เป็นอยู่
ขณะเดียวกัน การทำงานของพรรคประชาธิปัตย์ในรัฐบาล ก็ดูเหมือนไปคนละทิศคนละทางกับแกนนำรัฐบาล
เป็นความอึดอัด ที่ถึงขนาดที่พรรคพลังประชารัฐ อยากจะได้กระทรวงเศรษฐกิจ ไม่ว่าจะเป็นกระทรวงพาณิชย์ กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ คืนมาทว่าเรื่องนี้คิดได้แต่ทำยาก
การที่ลูกพรรคประชาธิปัตย์แหกคอก ไม่ปฏิบัติตามมติวิปรัฐบาล ก็เปิดช่องให้ “3ป.” หยิบยกเรื่องสัญญาต้องเป็นสัญญา หรือตามภาษากฎหมายเรียกว่า pacta sunt servanda (พักต้า ซุนท์ เซอร์วันดา)ขึ้นมาทวงสัญญาลูกผู้ชาย
เพราะค่ายสีฟ้าทำไม่ได้อย่างที่พูด โดยเฉพาะการคุมลูกพรรคตัวเองไม่อยู่ ในญัตติที่คอขาดบาดตายเช่นนี้
จับอาการ “จุรินทร์” และทีมงานประชาธิปัตย์ในคณะรัฐมนตรี มีอาการวิตกไม่น้อยกับคิวที่ลูกพรรคยังดื้อด้าน ทำให้ตัวเองเป็นฝ่ายเพลี่ยงพล้ำ กระทำผิดกติกาในการอยู่ร่วมกัน
เมื่อปชป. ไปคนละทาง จึงไปเข้าทางพรรคพลังประชารัฐ ที่มีเหตุผลในการจะริบคืนโควต้ารัฐมนตรีของพรรคประชาธิปัตย์คืนบางส่วน
เกมยึดคืน จึงอกมาว่า จะต้องนับหัวกันว่า คนที่สนับสนุน “บิ๊กตู่” จริงๆ เหลืออยู่เท่าไร จะได้ใช้สูตรคำนวณสัดส่วนเกลี่ยเก้าอี้กันใหม่ ไม่ให้เต็มร้อยเหมือนเดิม แต่เอาจริงมาไม่เต็มร้อยก็ต้องเฉือนกันออกไปตามจำนวนมีอยู่จริง
ก่อนหน้านี้พรรคประชาธิปัตย์อาจคิดว่า “3ป.” อาจทำได้แค่ขู่ เพราะสุดท้ายต้องพึ่งพิงเสียงครึ่งร้อยของค่ายเก่าแก่ แต่ถึงตรงนี้อาจต้องคิดใหม่
3 ป. แห่งบูรพาพยัคฆ์ โชว์ให้เห็นว่า วันนี้ดุลอำนาจในประเทศยังไม่เปลี่ยน และคนที่ถือไพ่ในมือไม่ใช่พรรคร่วมรัฐบาล แต่ยังเป็น “บิ๊กตู่ – บิ๊กป้อม – บิ๊กป๊อก”
และวันนี้ “3ป.” กำลังสอนเชิงนักการเมืองอาชีพว่า พวกเขาไม่ใช่หมูในอวย และไก่อ่อนทางการเมือง แต่ทำการบ้าน และเรียนรู้ประวัติศาสตร์มาดีว่า จะต้องเจอกับอะไรเมื่อต้องทำงานกับนักการเมือง
แน่นอนไม่จำเป็นต้องเขี่ยพรรคประชาธิปัตย์ทั้งหมด ออกจากความเป็นพรรคร่วมรัฐบาล เพราะยังมีสายที่ “เอาบิ๊กตู่” อยู่จำนวนไม่น้อย เพียงแต่ปัดบางส่วนที่เป็นหอกข้างแคร่ออกไป
ขณะเดียวกัน ก็เติมเอาบรรดา “งูเห่า” ทั้งหลายเข้ามาทดแทนบางส่วนที่หายไป และเพื่อรักษาสถานะความเป็นเสียงข้างมากได้
อย่าคิดว่า จะไม่มีวันเห็น ส.ส.เพื่อไทย ย้ายขั้วมาให้การสนับสนุนฝ่ายรัฐบาล เพราะว่ากันจริงๆ พรรคพลังประชารัฐกับพรรคเพื่อไทยต่างเป็นคนกันเองทั้งนั้น
โดยใช้บริการนักการเมืองอดีตกลุ่ม16 ที่เคยโด่งดังในยุคัฐบาลชวน1 ระหว่างปี2535-38 และมีบทบาทสำคัญในการอภิปรายล้มรัฐบาลวนในเรื่องสปก4-01ให้คนรวยที่จ. ภูเก็ต จนนายชวน หลีกภัย นายกรัฐมนตรี ต้องหาทางออกด้วยการยบสภา
ยุคนี้ ความสัมพันธ์ของอดีตกลุ่ม 16 เก่ายังคงแนบแน่น และกลุ่มคนเหล่านี้เป็นเหมือน “ทางเชื่อม” ให้กับขั้วอำนาจ3ป. ที่จะรวมเสียงส. ส. ให้พ้นสภาพรัฐบาลเสียงปริ่มน้ำ
โดยคาดว่ามี สุชาติ ตันเจริญ รองประธานสภาผู้แทนราษฎร จากพรรคพลังประชารัฐ “สมพงษ์ อมรวิวัฒน์” หัวหน้าพรรคเพื่อไทย และ “สรอรรถ กลิ่นประทุม” จากพรรคภูมิใจไทย เป็นแกนสำคัญที่จะเดินเกมนี้
แม้วันนี้อดีตคนกลุ่ม16 อยู่กันคนละข่ายละฝั่ง แต่ยังนับญาติกันอย่างเดิม มีความใกล้ชิดกันยิ่งกว่าเป็นคนพรรคเดียวกันด้วยซ้ำ
ให้จับตาที่พรรคเพื่อไทยวันนี้ ซึ่งไม่มีเสาหลัก หลัง “ทักษิณ ชินวัตร” ปล่อยมือให้ “สมพงษ์” ดูแลเต็มที่ ในขณะที่พรรคเพื่อไทยก็ไม่ใช่ศัตรูหมายเลข 1 ของรัฐบาล แต่เป็น “อนาคตใหม่”
ไม่แน่ว่าในเวลาอันใกล้ อาจได้เห็น ส.ส.เพื่อไทยย้ายมาเป็นโขยง ซบพลัง3ป.
