- "มาดาม เดียร์" ส.ส.พปชร.ส่งทนายยื่นฟ้อง "ช่อ -พรรณิการ์"โฆษกอนาคตใหม่ หมิ่นฯ กล่าวหายังนั่งเป็นบอสเครือเนชั่น และใช้สื่อเป็นเครื่องมือทางการเมือง โจมตีฝ่ายตรงข้าม ศาลนัดไต่สวน 24 ก.พ.ปีหน้า
วันนี้ (21 พ.ย.) ที่ศาลอาญา ถ.รัชดาภิเษก น.ส.วทันยา วงษ์โอภาสี หรือมาดามเดียร์ ส.ส.บัญชีรายชื่อพรรคพลังประชารัฐ มอบอำนาจให้ทนายความเป็นโจทก์ยื่นฟ้อง น.ส.พรรณิการ์ วานิช หรือช่อ ส.ส.บัญชีรายชื่อและโฆษกพรรคอนาคตใหม่เป็นจำเลยในความผิดฐานหมิ่นประมาท และหมิ่นประมาทผู้อื่นโดยการโฆษณาตามประมวลกฎหมายอาญา 326 และ 328
คำฟ้องระบุพฤติการณ์สรุปว่า เมื่อวันที่ 18 พ.ย. 62 จำเลยจัดแถลงข่าวที่ทำการพรรคอนาคตใหม่ มีสื่อมวลชนทั้งหนังสือพิมพ์ ทีวี และช่างภาพจำนวนมากร่วมรับฟังการแถลงข่าวของจำเลย สู่การเผยแพร่และการรับรู้ของประชาชนซึ่งการแถลงข่าวข้อความตอนหนึ่งของจำเลย ระบุทำนองว่า พรรคอนาคตใหม่มีประเด็นที่ต้องจับตาและต้องทวงถามต่อสื่อบางเจ้าเป็นประเด็นสำคัญที่ไม่ได้กระทบต่อพรรคอนาคตใหม่เท่านั้น แต่กระทบต่อประชาชนที่รับรู้ข้อมูลข่าวสารอยู่ในชีวิตประจำวันฯลฯ และข้อความทำนองว่าในช่วงหลายเดือนที่ผ่านมา สภาพการเมืองไทยมีประเด็นหนึ่ง ประเด็นร้อนแรงจนทำให้เกิดการถกเถียงในสังคมในคือ การเป็นเจ้าของสื่อของนักการเมืองตามเจตนารมณ์ของ รธน. ปี 2560 ห้ามไม่ให้ผู้ลงสมัครรับเลือกตั้งถือครองหุ้นสื่อ โดยเจตนารมณ์ของรธน.ก็คือไม่ต้องการให้นักการเมืองครอบครองสื่อเพื่อใช้สื่อนั้นเป็นประโยชน์แก่ตนเอง และเป็นโทษแก่ผู้ที่เป็นศัตรูต่อนักการเมืองผู้ถือหุ้นดังกล่าว แต่ในประเทศไทยมีกรณีที่นักการเมืองมีความเกี่ยวพันเป็นเจ้าของสื่อที่ชัดเจนปรากฎและทราบกันดี แต่ไม่สามารถดำเนินตามกฎหมายกับนักการเมืองผู้นั้นได้เนื่องจากนักการเมืองคนนั้น คือคุณวทันยา เป็น ส.ส.พรรคพลังประชารัฐ(พปชร.)ได้ลาออกจากตำแหน่งผู้บริหารของเครือเนชั่นและให้ผู้ที่เป็นสามี คุณฉาย บุนนาค ดำรงตำแหน่งผู้บริหารของเนชั่นแทน เรื่องนี้ทำให้เกิดคำถามว่าในขณะที่การถือครองหุ้นสื่อของ ส.ส.จำนวนหลาย10 คน ในสภากลายเป็นคดีความเข้าสู่กระบวนการยุติธรรมเพียงเพราะใบบริคณธ์สนธิระบุว่า กิจการที่เขาถือนั้นสามารถทำสื่อได้ด้วย เพราะเป็นใบบริคณธ์สนธิฯลฯ และข้อความอื่นๆซึ่งทำให้ประชาชนทั่วไปที่ได้รับรู้การแถลงข่าวของจำเลยจากการเผยแพร่ของสื่อมวลชนจะเข้าใจว่าโจทย์เป็น ส.ส.พรรคพปชร.กระทำการอันเป็นการขัดต่อรธน.โดยเป็นนักการเมืองที่มีความเกี่ยวพันเป็นเจ้าของสื่อแต่ไม่สามารถดำเนินการตามกฎหมายได้เนื่องจากโจทก์ลาออกจากตำแหน่งผู้บริหาร โดยให้ผู้เป็นสามีบริหารแทน และการที่คู่สมรสเป็นผู้บริหารสื่อ เป็นผู้มีอำนาจอิทธิพลในสื่อ เป็นการใช้สื่อเป็นคุณกับตนเองและเป็นโทษแก่ฝ่ายตรงข้าม สื่อเนชั่นถูกใช้เป็นเครื่องมือทางการเมืองของโจทก์อย่างชัดแจ้ง ซึ่งการแถลงข่าวนั้นเป็นความเท็จทั้งสิ้น โดยโจทก์ไม่เคยดำรงตำแหน่งบริษัท เนชั่น มัลติมีเดีย กรุ๊ป จำกัด(มหาชน) ที่เป็นผู้ให้บริการสถานีทีวีดิจิตอล ช่อง 22 และไม่เคยเป็นผู้บริหารบริษัทในเครือของสื่อกลุ่มเนชั่นแต่อย่างใด และสามีโจทก์ไม่เคยกระทำการใด ไม่ว่าโดยตรงหรือทางอ้อมอันเป็นการขัดขวางหรือแทรกแซงการใช้สิทธิหรือเสรีภาพของสื่อมวลชนโดยมิชอบ และไม่เคยมีพฤติการณ์ในการครอบงำสื่อให้เป็นคุณเป็นโทษกับพรรคการเมืองใดเหตุเกิดที่ทำการพรรคอนาคตใหม่ ถ.เพชรบุรี แขวงบางกะปิ เขตห้วยขวาง กทม.
โดยศาลรับคำฟ้องไว้ในสารบบคดี หมายเลขดำ อ.3095/2562 โดยกำหนดนัดไตรสวนมูลฟ้องโจทก์ วันที่ 24 ก.พ.2563 เวลา 09.00 น.