จับกุมแฮกเกอร์วัยรุ่น 19 ปี ใช้คอมพิวเตอร์แฮกข้อมูลป่วนเว็บไซต์ “ชิมช้อปใช้” จนประชาชนเข้าไปลงทะเบียนไม่ได้เป็นจำนวนมาก สารภาพทำไปเพื่อทดลองวิชา
วันนี้ (29 ต.ค.) เวลา 15.00 น. ที่กองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับอาชญากรรมทางเทคโนโลยี (บก.ปอท.) นายพุฒิพงษ์ ปุณณกันต์ รมว.กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม (ดีอี) พร้อมด้วย พล.ต.ต.ไพบูลย์ น้อยหุ่น ผบก.ปอท. พ.ต.อ.วัชรพันธ์ ศิริพากษ์ ผกก.1 บก.ปอท. ร่วมแถลงผลการจับกุม นายธีรณัฐ มหัทธโนบล อายุ 19 ปี ชาว จ.ปัตตานี ผู้ก่อเหตุรบกวนระบบลงทะเบียน “ชิมช้อปใช้” จนทำให้ระบบล่าช้าลงทะเบียนไม่ได้ พร้อมของกลาง คอมพิวเตอร์ประกอบเอง, คอมพิวเตอร์โน้ตบุ๊ก, คอมพิวเตอร์ขนาดจิ๋ว อย่างละ 1 เครื่อง, โทรศัพท์มือถือ 7 เครื่อง, อุปกรณ์จัดเก็บข้อมูล 2 อัน (เอ็กซ์เทอนัลฮาร์ดดิสก์) และของกลางอื่นๆ รวม 17 รายการ โดยติดตามจับกุมตัวได้ที่บ้านพัก ต.จะบังติกอ อ.เมือง จ.ปัตตานี
นายพุทธิพงษ์ เปิดเผยว่า กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม ร่วมกับ บก.ปอท. และธนาคารกรุงไทย หาสาเหตุที่ประชาชนไม่สามารถเข้าไปลงทะเบียนชิมช้อปใช้ได้ จนพบความผิดปกติว่า ใน 1 วินาที มีคนเข้าระบบมากกว่าแสนคน ทำซ้ำๆ ลักษณะนี้อยู่หลายนาที จึงได้สืบสวนพบว่ามีคนไม่ประสงค์ดีพยายามเข้ามาก่อกวนระบบ พร้อมสืบสวนจับกุมผู้ก่อเหตุ โดยใช้เวลาเพียง 2 วัน ทั้งนี้ จากการสอบสวนพบว่าไม่ได้ทำเป็นครั้งแรก แต่เคยทำตั้งแต่ในโครงการเฟสแรกแล้ว ซึ่งในครั้งนั้นใช้โปรแกรมอัตโนมัติ หรือ บอท เข้าไปก่อกวนระบบจำนวนไม่มาก คล้ายเป็นการทดลองชุดคำสั่งจึงไม่ส่งผลกระทบมากนัก
“ส่วนวิธีการที่ใช้ก่อเหตุเริ่มจากการสร้างชุดคำสั่งนำไปโพสต์ในเฟซบุ๊กส่วนตัว
และ www.understop.com ที่ตัวผู้ต้องหาเป็นเจ้าของเซิร์ฟเวอร์ เพื่อเชิญชวนให้คนนำไปใช้งาน โดยอ้างว่าหากกดเข้าลิงก์ของเขาได้ จะสามารถเข้าไปจองพื้นที่ลงทะเบียนชิมช้อปใช้ได้เร็วกว่าเข้า www.ชิมช้อปใช้.com ซึ่งเป็บเว็บไซต์ปกติที่รัฐบาลเปิดให้ประชาชนเข้ามาลงทะเบียน จากนั้นในวันที่ 25 ต.ค. มีการแฝงบอทไปกับคนที่นำชุดคำสั่งดังกล่าวไปใช้ เพื่อเข้าไปในระบบพร้อมๆ กัน โดยเวลาประมาณ 08.00 น. เป็นช่วงที่มีประชาชนเข้ามาจากลิงก์ และ Facebook ของนายธีรณัฐ มากกว่า 50,000 คน เท่ากับว่า ขณะนั้นมีคนเข้าเว็บชิมช้อปใช้ 20 ล้านคน นอกจากกรณีนี้แล้ว ยังพบมีอย่างน้อยอีก 2 เว็บไซต์ ที่มีพฤติการณ์ใกล้เคียงกันด้วย”
ด้าน พล.ต.ต.ไพบูลย์ เปิดเผยว่า จากการสอบสวนพบว่าผู้ต้องหาลงมือเพียงคนเดียว ไม่พบคนสั่งการอยู่เบื้องหลัง และไม่พบว่ามีเจตนาจะพังระบบคล้ายต้องการทำไปเพื่อทดลองวิชา ส่วนเหตุที่เกิดขึ้นหลังจากนี้จะขยายผลต่อไปว่าจะต้องดำเนินคดีกับประชาชนที่นำชุดคำสั่งดังกล่าวไปใช้งานหรือไม่ ซึ่งต้องรอตรวจสอบข้อมูลที่หลงเหลือในอุปกรณ์คอมพิวเตอร์ และตรวจสอบไปยังเครื่องเซิร์ฟเวอร์ที่อยู่ในต่างประเทศด้วย ทั้งนี้ ยังพบว่า ผู้ต้องหาเคยก่อเหตุเกี่ยวกับการใช้ระบบคอมพิวเตอร์ในทางที่ผิดอีกหลายคดี มีหลักฐานเป็นซิมโทรศัพท์นับพันชิ้น ซึ่งอยู่ระหว่างการขยายผลดำเนินคดีทางกฎหมายต่อไป
เบื้องต้น เจ้าหน้าที่ได้แจ้งข้อหา ตาม พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ ม.10 กระทำการใดโดยมิชอบ เพื่อให้การทำงานของระบบคอมพิวเตอร์ของผู้อื่นถูกระงับ ชะลอ ขัดขวาง หรือรบกวน จนไม่สามารถทำงานได้ตามปกติ และ ม.13 เผยแพร่ชุดคำสั่งที่จัดขึ้นมาโดยเฉพาะเพื่อนำไปใช้เป็นเครื่องมือในการกระทำความผิด ก่อนส่งดำเนินการตามขั้นตอนกฎหมายต่อไป