“ปวีณา” พาสาวโดนทอมกระทืบเลือดอาบหน้า เข้าแจ้งความตำรวจ สน.พหลโยธิน ดำเนินคดี เอาผิดสาวทอมทำร้าย ด้านตำรวจจ่อออกหมายเรียกเข้าพบสัปดาห์หน้า เผย รอผลแพทย์เข้าข่ายสาหัสหรือไม่ ก่อนแจ้งข้อหาเพิ่ม ชี้ ไม่มาเจอหมายจับ ขณะที่ผู้ดูแลหอชาวพม่าโดนเรียกสอบด้วย ขณะเกิดเหตุกลับไม่เข้าช่วยเหลือ
วันนี้ (22 ก.ค.) เวลา 16.00 น. ที่ สน.พหลโยธิน นางปวีณา หงสกุล ประธานมูลนิธิปวีณา หงสกุลเพื่อเด็กและสตรี ได้นำตัว น.ส พิมพ์พิไล ปักษี พนักงานคลินิกเสริมความงาม ที่ถูก น.ส.กาญจนา สินประเสริฐ อายุ 27 ปี สาวทอมทำร้ายร่างกายจนได้รับบาดเจ็บ โดยมีคลิปเหตุการณ์ถูกแชร์อย่างแพร่หลายในโซเชียลมีเดีย เข้าพบ พ.ต.อ.อิทธิเชษฐ์ วงศ์หอมหวล ผกก.สน.พหลโยธิน เพื่อแจ้งความดำเนินคดี เหตุเกิดที่หอพักแห่งหนึ่งในซอยรัชดาภิเษก 36 แยก 9 เหตุเกิดเมื่อเวลา 01.46 น. ของวันที่ 19 ก.ค. ที่ผ่านมา
น.ส.ทิฆัมพร พิมให้ผล ลูกพี่ลูกน้อง ของ น.ส.พิมพ์พิไล ซึ่งเป็นผู้โพสต์คลิป กล่าวว่า หลังเกิดเหตุตนเองได้ไปขอภาพวงจรปิดที่หอพัก จากนั้นได้นำมาเผยแพร่ในเฟซบุ๊กส่วนตัว ก่อนที่จะมีการแชร์ไปในโลกออนไลน์ อย่างรวดเร็ว ซึ่งหลังจากมีการแชร์กันไปจำนวนมาก ครอบครัวของผู้ก่อเหตุ ได้โทรมาข่มขู่แม่ของผู้เสียหาย และฝากบอกให้ตนเองลบคลิป อ้างว่า มีการเจรจาพูดคุยกันแล้ว และขู่จะฟ้องร้องดำเนินคดี แต่ตนยืนยันจะไม่ลบคลิปดังกล่าว และทางครอบครัวผู้เสียหายก็ยืนยัน จะดำเนินคดีให้ถึงที่สุด
น.ส.ฑิฆัมพร กล่าวด้วยว่า ก่อนหน้านี้ ได้มีการเจรจาเรื่องค่าเสียหาย โดยแม่ของผู้บาดเจ็บเรียกค่าเสียหาย 1 แสนบาท ขณะที่ฝ่ายแม่ของสาวทอม ยอมที่จะจ่ายเพียงแค่ 5 หมื่นบาท เมื่อตกลงกันไม่ได้ ฝ่ายคู่กรณีระบุว่า ให้ดำเนินคดีไปตามขั้นตอนของกฎหมาย
ด้าน พ.ต.อ.อิทธิเชษฐ์ กล่าวว่า หลังจากได้สอบปากคำเเล้ว เราจะรอผลการตรวจร่างกายอย่างเป็นทางการ เพื่อประกอบสำนวนในการเเจ้งข้อกล่าวหากับผู้ก่อเหตุ เบื้องต้นจากคลิปเหตุการณ์ผู้ก่อเหตุมีพฤติการณ์การกระทำผิดเข้าข่ายทำร้ายร่างกายผู้อื่นอันเป็นอันตรายต่อร่างกายเเละจิตใจ ส่วนจะเข้าข่ายทำร้ายร่างกายสาหัสหรือไม่นั้น จะต้องรอผลพิสูจน์ทางการเเพทย์อีกครั้งก่อนจะแจ้งข้อกล่าวหาในส่วนนี้ได้ ซึ่งคาดว่าภายในสัปดาห์หน้า เราจะส่งหมายเรียกไปยังผู้ก่อเหตุมารับทราบข้อกล่าวหา ซึ่งถ้าเราส่งหมานเรียกไปาองครั้งเเล้ว ยังไม่มีการเข้ามาพบพนักงานสอบสวนก็อาจจะเป็นเหตุในการออกหมายจับได้
พ.ต.อ.อิทธิเชษฐ์ กล่าวว่า ก่อนหน้านี้คู่กรณีมีการพูดคุยเจรจาไกล่เกลี่ยกันเองไปเเล้ว หลังจากเกิดเหตุใหม่ๆ ซึ่งในตอนนั้น มีการลงบันทึกประจำวันไว้ เนื่องจากผู้บาดเจ็บต้องรีบเข้ารับการรักษาพยาบาล ส่วนที่ภาพวงจรปิดปรากฏมีบุคคลที่เห็นเหตุการณ์เเต่ไม่ได้เข้าช่วยเหลือผู้เสียหายจะมีความผิดหรือไม่นั้น ในส่วนนี้จะต้องดูผลการปากคำพยานอย่างละเอียดในที่เกิดเหตุก่อนจะสรุปผลเเจ้งข้อหาใคร ส่วนพฤติการณ์จะไปถึงขั้นพยายามฆ่าหรือไม่นั้น จากที่ปรากฏเบื้องต้นยังไม่พบว่าจะเข้าข่ายการกระทำผิดในข้อหาดังกล่าว
มีรายงานว่า เจ้าหน้าที่ฝ่ายสืบสวน ได้เชิญตัว นายออง โซอู ชาวพม่า และเป็นคนดูแลอาคารดังกล่าว พร้อมยังเป็นชายที่ปรากฏในคลิปที่ไม่เข้าให้การช่วยเหลือ มาสอบปากคำ โดยให้การขณะเกิดเหตุหญิงทอมได้ข่มขู่ห้ามเข้ามายุ่ง และได้รีบโทรศัพท์แจ้งตำรวจให้มาระงับเหตุ