จะเรียกว่าหมูไม่กลัวน้ำร้อนก็คงจะได้ กับพฤติกรรมของ “ผู้กำกับหนุ่ย” พ.ต.อ.วทัญญู วิทยผโลทัย ที่เมินคำสั่งผู้บังคับบัญชาให้มารายงานตัวและยกเลิกใบลาพักราชการ หลังปรากฏภาพไปเดินถือถุงตามหลัง “ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร” ผู้ต้องหาหนีคดีทุจริตโครงการรับจำนำข้าวอยู่ที่อังกฤษ เมื่อปลายเดือนที่ผ่านมา
เพราะนอกจากจะไม่กลับมารายงานตัวแล้ว ยังดื้อแพ่ง ตามติด ทักษิณ ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ไปดูฟุตบอลโลกติดขอบสนามคู่อังกฤษปะทะโครเอเชีย ถึงรัสเซีย เมื่อวันที่ 11 กรกฎาคมที่ผ่านมา
ก่อนหน้านี้ต่างคิดว่า ผู้กำกับหนุ่ยเดินทางกลับมาประเทศไทย ตามคำสั่งผู้บังคับบัญชา และอยู่ระหว่างถูกตั้งกรรมการสอบสวน ตามคำให้สัมภาษณ์ของ พล.ต.อ.ศรีวราห์ รังสิพราหมณกุล รอง ผบ.ตร.
แต่ความลับไม่มีในโลก เรื่องมาแดงก็เมื่อปรากฏภาพที่รัสเซีย พล.ต.อ.สุชาติ ธีระสวัสดิ์ จเรตำรวจแห่งชาติ จึงออกมาให้สัมภาษณ์เมื่อวันที่ 16 กรกฎาคมที่ผ่านมาว่า ผู้กำกับหนุ่ยเพิ่งจะกลับมารายงานตัวในวันนี้ และขณะนี้มีคำสั่งให้พักราชการพร้อมย้ายไปนั่งตบยุงที่ ศปก.ตร.
คำถามคือ แล้วที่ พล.ต.อ.ศรีวราห์ ออกมาระบุว่า เข้ามารายงานตัวแล้วและอยู่ระหว่างการสอบสวนนั้นเพราะอะไร มีนอกมีใน มีใครคอยอุ้มอยู่หรือไม่ หากไม่มีภาพล่าสุดหลุดออกมาก็ยังไม่รู้ว่า พ.ต.อ.วทัญญูจะมารายงานตัวไหม จะมีการตั้งกรรมการสอบสวนหรือไม่ และที่สุดผลการสอบสวนจะออกมาอย่างไร
ไม่น่าเชื่อว่า ยุคคณะรักษาความสงบแห่งชาติครองเมือง ทักษิณ ชินวัตร ยังมีอิทธิพลมีบารมีคุ้มหัวลูกน้องได้มากขนาดนี้
ผู้กำกับหนุ่ยนั้น แม้ไม่ใช่ข้าเก่าเต่าเลี้ยงในบ้าน “ชินวัตร” หรือ ตระกูล “ดามาพงศ์” เข้ามาสัมพันธ์กับทักษิณในช่วงที่ดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรี และรับใช้เรื่อยมาอย่างซื่อสัตย์ จนได้รับความไว้วางใจให้ดูแลความปลอดภัยให้นายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ เมื่อครั้งดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรี เรื่อยมาถึงยุค น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ครองเมือง
เส้นทางของ พ.ต.อ.วทัญญู ก่อนจะมาดูแลรับใช้ตระกูลชินวัตรนั้น หลังจบจากโรงเรียนนายร้อยตำรวจ รุ่น 49 ก็เข้าสังกัดตำรวจตระเวนชายแดน มี พล.ต.ต.อรรถกฤษณ์ ธารีฉัตร เป็นผู้บังคับบัญชา ต่อมาได้มาอยู่ในสำนักงาน พล.ต.อ.สันต์ ศรุตานนท์ ผบ.ตร.ระยะหนึ่ง เมื่อ พล.ต.ต.อรรถกฤษณ์ ย้ายมาเป็นรองผู้บังคับการตำรวจสันติบาล 3 (รอง ผบก.ส.3) ทำหน้าที่หัวหน้าทีมอารักขานายทักษิณ ชินวัตร ผู้กำกับหนุ่ยจึงถูกเรียกตัวให้มาช่วยงาน
นายตำรวจหนุ่มจาก ตชด.เมื่อมีโอกาสมารับใช้ใกล้ชิดผู้นำจึงทำหน้าที่อย่างเข้มแข็งจนเป็นที่ไว้วางใจ อนาคตทางราชการกำลังสดใส จนมาสะดุดเมื่อเกิดการรัฐประหารปี 2551 ถูกย้ายไปเป็น สว.สป.สภ.กรงปินัง จ.ยะลา ตามคำสั่งของ พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ เตมียเวส ผบ.ตร.สมัยนั้น แต่ยังโชคดีที่ได้ พล.ต.อ.เพรียวพันธ์ ดามาพงศ์ รอง ผบ.ตร.ขอตัวมาช่วยราชการในสำนักงานรอง ผบ.ตร. จึงไม่ต้องลงไปทำงานในพื้นที่เสี่ยง
หลังการเลือกตั้ง พรรคพลังประชาชนชนะและเป็นแกนนำจัดตั้งรัฐบาล ผู้กำกับหนุ่ยได้กลับมานั่งในตำแหน่ง สว.ฝขว.10 บก.ส.1 (บก.น.7) ทำหน้าที่ดูแลความปลอดภัยบ้านจันทร์ส่องหล้า ของคุณหญิงพจมาน
และเมื่อ พล.ต.อ.เพรียวพันธ์ขึ้นเป็น ผบ.ตร.ในปี 2555 พ.ต.อ.วทัญญูก็ได้ขยับขึ้นเป็นรอง ผกก.ในตำแหน่งผู้ช่วยนายเวร (สบ 3) พล.ต.อ.พงศพัศ พงษ์เจริญ รอง ผบ.ตร. จนถูกวิจารณ์อย่างหนัก เพราะเป็นการแต่งตั้งก่อนฤดูโยกย้ายที่เหลือเวลาแค่เดือนเศษเท่านั้น
ต่อมาในปี 2556 ยุค พล.ต.อ.อดุลย์ แสงสิงแก้ว เป็น ผบ.ตร.ได้รับการโปรโมตขึ้นเป็นผู้กำกับการ ในตำแหน่งผู้ช่วยนายเวร (สบ 4) ผบ.ตร. แบบเหาะมา เพราะใช้วิธียกเว้นกฎ ก.ตร.เฉพาะราย เนื่องจากอยู่ในตำแหน่งรอง ผกก.ไม่ครบ 2 ปี แต่ยังคงทำหน้าที่ดูแลความปลอดภัยให้ น.ส.ยิ่งลักษณ์ แม้พ้นตำแหน่งนายกรัฐมนตรี ก็ยังมีผู้กำกับหนุ่ยติดสอยห้อยตามไปทุกที่ จนหนีไปอยู่ต่างประเทศกับพี่ชาย กระนั้นก็ยังตามไปรับใช้จนมีภาพออกมาฟ้องชาวโลกดังกล่าว
คงไม่ใช่เรื่องที่ปกตินักที่นายตำรวจระดับ “พันตำรวจเอก” จะกล้าขัดคำสั่งผู้บังคับบัญชา มิหนำซ้ำยังมีผู้ใหญ่ระดับสูงในสำนักงานตำรวจแห่งชาติบางคนออกหน้ามาปกป้อง หลอกสังคมว่ากลับมารายงานตัวแล้วตั้งกรรมการสอบแล้วเช่นนี้
แม้วันนี้ พ.ต.อ.วทัญญู จะถูกเด้งเข้ากรุ ศปก.ตร. จากตำแหน่ง ผกก.ฝ่ายวิจัยและพัฒนา ศูนย์พัฒนาด้านการข่าว กองบัญชาการตำรวจสันติบาล ที่ไม่มีบทบาทหน้าที่อะไรมากนัก
แต่ที่สังคมต้องจับตาก็คือ พฤติกรรมแข็งขืนต่อคำสั่ง เสมือนท้าทาย ตบหน้าผู้บังคับบัญชาเช่นนี้ผลการสอบสวนจะออกมาอย่างไร หากผลสอบไม่สมเหตุสมผล ก็น่าจะยุบ สตช.ทิ้งไปเลย