MGR online - ตำรวจท่องเที่ยว ร่วมกับ 191 จับสาวจีน สวมบัตรคนไทยเปิดบริษัททัวร์ศูนย์เหรียญ อีกรายเข้ามาขับแท็กซี่ “บิ๊กโจ๊ก” เผย ตั้งแต่ปี 2558 จนถึงปัจจุบัน สามารถจับคนต่างด้าวสวมบัตรประชาชนปลอม เข้ามาเปิดบริษัททัวร์ได้กว่า 50 ราย
วันนี้ (21 มิ.ย.) ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ตร.) เมื่อเวลา 14.45 น. พล.ต.ต.สุรเชษฐ์ หักพาล รองผู้บัญชาการตำรวจท่องเที่ยว (รอง ผบช.ทท.) พร้อมด้วย ตำรวจท่องเที่ยว ตำรวจ 191 แถลงการจับกุมผู้ต้องหาชาวจีนที่สวมบัตรประชาชนคนไทย ผู้ต้องหา 2 ราย โดยรายแรก คือ น.ส.นงลักษณ์ ชาวโพธิ์เอน ชาวจีนฮ่อ จับกุมได้เมื่อวันที่ 20 มิ.ย. ที่ผ่านมา ย่านบางเขน โดยมีพฤติการณ์ความผิด คือ เดินเท้าเข้ามาในประเทศไทย ผ่านอำเภอพบพระ จังหวัดตาก จากนั้นได้ว่าจ้างคนไทยให้รับรองเป็นบุตร เพื่อทำบัตรประชาชนไทย และได้รับสัญชาติไทย ก่อนที่จะนำมาเปิดบริษัท ไทยหยวน ทราเวล (ไทยแลนด์) จำกัด ในปี 2538 จากนั้นติดต่อประสานไปยังกลุ่มนายทุนชาวจีน ให้นำนักท่องเที่ยวมาเที่ยวในประเทศไทย เป็นลักษณะทัวร์ศูนย์เหรียญรูปแบบหนึ่ง ก่อให้เกิดความสูญเสียกับประเทศไทย จากการที่นักท่องเที่ยวไม่ซื้อสินค้า บริการของไทย นอกจากนี้ ยังพบว่ามีการใช้บริการไกด์นำเที่ยวชาวจีน เข้ามาทำงานในไทย เป็นลักษณะไกด์เถื่อนอีกด้วย
เบื้องต้นเจ้าหน้าที่ตำรวจ แจ้งข้อหาแจ้งความอันเป็นเท็จกับเจ้าพนักงาน, ใช้หรืออ้างเอกสารราชการปลอม และยื่นคำขอมีบัตรโดยมิได้มีสัญชาติไทยด้วยการแสดงหลักฐานอันเป็นเท็จ พร้อมทั้งจะเร่งขยายผลจับกุมชาวไทยที่รับรองการเป็นบุตรของนางสาวนงลักษณ์ มาดำเนินคดีตามกฎหมาย ในข้อหาสนับสนุนให้มีการทำผิดต่อไป
รอง ผบช.ทท. กล่าวว่า ส่วนผู้ต้องอีก 1 ราย เจ้าหน้าที่สามารถจับกุม น.ส.อาพู่ ใจซื่อ อายุ 43 ปี ใน อ.แม่สอด จ.ตาก ซึ่งมีลักษณะการกระทำผิด คือ สวมบัตรประชาชนชาวไทยปลอมในลักษณะเดียวกันอีก 1 ราย โดยนำบัตรประชาชนปลอมมาประกอบธุรกิจขับรถแท็กซี่ในจังหวัดตาก ซึ่งจากการสอบสวน พบว่า มีข้าราชการเข้ามามีส่วนเกี่ยวข้องในการกระทำความผิด โดยขณะนี้ข้าราชการคนดังกล่าว ถูกศาลพิพากษาจำคุก 6 ปี เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงแจ้งข้อกล่าวหา เช่นเดียวกับ นางสาวนงลักษณ์ ทั้งนี้ จากการสอบปากคำพบว่า ผู้ต้องหาทั้ง 2 ราย ยังให้การภาคเสธ จึงได้นำของใช้ส่วนตัวไปตรวจพิสูจน์ดีเอ็นเอ เพื่อใช้เป็นพยานหลักฐานต่อไป
พล.ต.ต.สุรเชษฐ์ กล่าวด้วยว่า ในช่วงปี 2558 - ปัจจุบัน เจ้าหน้าที่ตำรวจสามารถจับกุมผู้ทำผิดในข้อหาสวมบัตรประชาชนปลอม เพื่อมาจดทะเบียนบริษัทนำเที่ยวในประเทศไทย ได้กว่า 50 ราย