xs
xsm
sm
md
lg

ฉาวอีก! พบเงินทอนวัดสระเกศฯ ล่องหนกว่า 50 ล้าน ศิษย์ป่วนอีกอ้าง ตร.จ่อค้นวัดเทพฯ

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ทีมข่าวอาชญากรรม


MGR Online - ตำรวจพบเงินอุดหนุนเผยแพร่พระพุทธศาสนาของวัดสระเกศฯ หายไปกว่า 50 ล้านบาท ด้าน ลูกศิษย์วัดสระเกศฯ ป่วนไม่หยุด ปล่อยข่าวตำรวจค้นวัดเทพฯ อีก

วานนี้ (11 มิ.ย.) ที่ กองปราบปราม ผู้สื่อข่าวรายงานความคืบหน้าคดีเงินทอนวัด ว่า ขณะนี้สำนวนการสืบสวนคืบหน้าไปมากแล้วโดยเฉพาะในส่วนของวัดสามพระยาวรวิหาร และ วัดสัมพันธวงศารามวรวิหาร แต่ในส่วนของวัดสระเกศวรมหาวิหารนั้น มีรายละเอียดค่อนข้างมากและต้องสอบปากคำพยานอีกอย่างน้อย 20 ปาก ซึ่งขณะนี้พนักงานสอบสวนได้ออกหมายเรียกไปแล้ว

ทั้งนี้ ในส่วนของการทุจริตเงินทอนวัดในส่วนของวัดสระเกศฯ นั้น พนักงานสอบสวนมุ่งเน้นไปที่การทุจริตเบิกจ่ายเงินจำนวน 2 โครงการหลัก เป็นเงินรวม 62.5 ล้านบาท ซึ่งทางวัดสระเกศฯได้เขียนโครงการไปขอรับเงินสนับสนุนจากสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติเมื่อปี 2558 และ 2559 ต่อเนื่องกัน โดยอ้างว่าจะนำไปสนับสนุนด้านการเผยแผ่พระพุทธศาสนาในวัดสาขารวม 13 แห่ง ซึ่งส่วนใหญ่เป็นวัดในภาคอีสาน ซึ่งจากการตรวจสอบของพนักงานสอบสวนกลับพบว่ามีวัดที่ได้รับเงินอุดหนุนจากวัดสระเกศฯเป็นวัดชื่อดังใน จ.ราชบุรี อุบลราชธานี และเชียงใหม่ เพียง 3 แห่ง และสถานศึกษาทางด้านสงฆ์ใน จ.ขอนแก่น อีก 1 แห่งเท่านั้น โดยได้รับเงินอุดหนุนไปแห่งละ 2 ล้านบาท รวมเป็นเงิน 8 ล้านบาท ส่วนที่เหลืออีกกว่า 50 ล้านบาทนั้น ตรวจสอบเส้นทางการเงินพบว่าไม่ได้ถูกนำแจกจ่ายให้กับวัดสาขาอีก 9 วัด แต่ขณะนี้ไม่สามารถให้รายละเอียดได้ว่าเงินจำนวนนี้ไปอยู่ที่ไหนเพราะยังอยู่ในขั้นตอนการขยายผลและสอบพยานเพิ่มเติม คาดว่า จะสรุปสำนวนได้ภายในต้นเดือนหน้านี้

สำหรับกรณีที่มีข่าวว่าเจ้าหน้าที่ตำรวจจะเข้าตรวจค้นวัดเทพศิรินทราวาสวรวิหารนั้น แหล่งข่าวในชุดสืบสวนของกองปราบปราม ยืนยันว่า ไม่เป็นเรื่องจริงกองปราบไม่ได้มีการจัดกำลังไปเข้าตรวจค้นวัดและยังไม่ได้รับการประสานงานกับสำนักพุทธฯ นอกจากนี้ จากการตรวจสอบไปยัง กองบังคับการปราบปรามการทุจริตและประพฤติมิชอบ (บก.ปปป.) และสำนักพุทธฯแล้วก็ไม่มีการไปตรวจค้นแต่อย่างใด ทำให้สื่อมวลชนหลายสำนักไปรอทำข่าวเก้อ โดยในส่วนของกองปราบนั้นขณะนี้ได้ตรวจค้นจับกุมผู้ต้องหาจนหมดสิ้นแล้ว นอกจากนี้ วัดเทพศิรินทร์ฯ ก็ไม่ได้อยู่ในวัดเป้าหมายที่จะดำเนินคดีตั้งแต่แรก เนื่องจากไม่ได้กระทำความผิดและสำนักพุทธฯก็ไม่ได้มาร้องทุกข์กล่าวโทษตั้งแต่แรกเริ่มด้วย

จากการตรวจสอบเชื่อว่าเป็นการปล่อยข่าวจากกลุ่มลูกศิษย์ของวัดสระเกศฯที่ไม่พอใจจากการดำเนินคดีกับพระที่ถูกจับกุมก่อนหน้านี้ จึงอยากให้เกิดความวุ่นวายในสังคมและมีความพยายามที่จะจัดกลุ่มมวลชนกดดันการทำงานของเจ้าหน้าที่ตำรวจด้วย ซึ่งหากพบว่าลูกศิษย์กลุ่มนี้ได้กระทำความผิดก็จะดำเนินคดีทันที

ในส่วนของ นายพิสิฐชัย สว่างวัฒนากร พนักงานสอบสวนคดีพิเศษชำนาญการพิเศษ หรือ ดีเอสไอ ที่ได้โพสต์ข้อความลงเฟซบุ๊กส่วนตัวว่าจะมีการจับกุมเจ้าอาวาสวัดต่างๆ ในคดีที่เกี่ยวกับการทุจริตเงินทอนวัดนั้น ล่าสุด มีรายงานว่า ตำรวจชุดสืบสวนสอบสวนเชิญตัว นายพิสิฐชัย ไปสอบปากคำแล้ว ซึ่งเบื้องต้นจากการพูดคุย นายพิสิฐชัย ให้ความร่วมมือเป็นอย่างดี โดยรับสารภาพว่าเป็นการโพสต์ข้อความดังกล่าวด้วยตัวเองจริง ทั้งนี้ นายพิสิฐชัย ยังอนุญาตให้เจ้าหน้าที่ตรวจสอบข้อมูลในโทรศัพท์ส่วนตัวทั้งหมด ซึ่งพบว่าก่อนหน้านี้ นายพิสิฐชัย ได้เคยโพสต์ข้อความเกี่ยวกับการจับกุมคดีเงินทอนวัดล็อต 3 ด้วย

มีรายงานว่า กรมสอบสวนคดีพิเศษ จะเป็นผู้แจ้งความร้องทุกข์ในกรณีดังกล่าวเอง เนื่องจากเป็นการตรวจพบมูลฐานการกระทำความผิดของเจ้าหน้าที่ในหน่วยงานของตนเองและในวันที่ 12 มิ.ย. เวลา 13.00 น. จะนำตัว นายพิสิฐชัย มารับทราบข้อกล่าวหาที่กองปราบปราม ในข้อหาความผิดเกี่ยวกับ พ.ร.บ. คอมพิวเตอร์ฯ

สำหรับความคืบหน้าการติดตามตัวอดีตพระพรหมเมธีนั้น ทาง พล.ต.ท.สุทธิพงษ์ วงศ์ปิ่น ผู้บัญชาการตำรวจตรวจคนเข้าเมือง (ผบช.สตม.) ยังคงให้เจ้าหน้าที่ตำรวจ สตม. จำนวนหนึ่งอยู่ที่ประเทศเยอรมนีเพื่อทำหน้าที่ประสานงานกับตำรวจที่ประเทศไทยในกรณีที่ทางการเยอรมันต้องการเอกสารเพิ่มเติม แต่ทั้งนี้เชื่อว่าจะต้องใช้ระยะเวลาพอสมควรถึงจะส่งตัวอดีตพระพรหมเมธีกลับมาดำเนินคดีที่ประเทศไทยได้ เพราะทางการเยอรมนีมีระบบและขั้นตอนในการตรวจสอบเอกสารเพื่อพิจารณาในประเด็นต่างๆที่เกี่ยวข้องกับการลี้ภัย ซึ่งขณะนี้เจ้าหน้าที่ตำรวจก็ได้พยายามเร่งรัดให้เกิดการตรวจสอบโดยเร็วที่สุดแล้ว


กำลังโหลดความคิดเห็น