MGR Online - ป.ป.ส. ไทย ประสาน เมียนมา สกัดจับแก๊งลักลอบขนสารตั้งต้นผลิตยาเสพติดยาบ้า - ไอซ์ 15 ตัน อีกคดีแถลงจับหนุ่มไทยหนีคดีกบดานเมียนมา พร้อมของของไอซ์ 20 กก. ทองหนัก 25 บาท พร้อมขยายผลยึดทรัพย์ร่วม 20 ล้านบาท
วันนี้ (10 มิ.ย.) เมื่อเวลา 10.30 น. นายศิรินทร์ยา สิทธิชัย เลขาธิการคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามยาเสพติด (เลขาธิการ ป.ป.ส.) ร่วมกับ กองบัญชาการตำรวจปราบปรามยาเสพติด กรมศุลกากร ศูนย์อำนวยการป้องกันและปราบปรามยาเสพติด สำนักกองบัญชาการกองทัพไทย และศูนย์รักษาความปลอดภัย กองบัญชาการกองทัพไทย แถลงผลการจับกุมผู้ต้องหาสัญชาติไทยที่หลบหนีหมายจับคดียาเสพติดในสาธารณรัฐแห่งสหภาพเมียนมา และกรณีการตรวจยึดโซเดียมไซยาไนด์ จำนวน 15 ตัน สามารถเป็นสารตั้งต้นผลิตไอซ์ 5.9 ตัน ยาบ้า 295 ล้านเม็ด
นายศิรินทร์ยา เปิดเผยว่า เมื่อวันที่ 2 มิ.ย. ที่ผ่านมา ทางหน่วยปราบปรามยาเสพติดของสาธารณรัฐแห่งสหภาพเมียนมา ประจำจังหวัดท่าขี้เหล็ก สามารถจับกุมนายสวัสดิ์ แก้วดา คนขับรถบรรทุกที่ขนสารโซเดียมไซยาไนด์ จำนวน 15 ตันได้ หลังจากด่านศุลกากรเชียงแสน ประสานข้อมูลมาว่าจะมีการขออนุญาตส่งออกสารโซเดียมไซยาไนด์จากประเทศไทยไปยังเมียนมา โดยลำเลียงผ่านแม่น้ำโขง แต่ด่านศุลกากรเชียงแสนไม่อนุญาตให้ส่งออก เพราะตามข้อตกลงว่าด้วยการเดินเรือพาณิชย์ในแม่น้ำล้านช้าง - แม่น้ำโขง ระบุว่า สารดังกล่าวเป็นวัตถุอันตราย จึงใช้วิธีขนส่งโดยใช้รถบรรทุก โดยทางการไทยได้ตรวจสอบแล้ว พบว่า มีการขออนุญาตส่งออกถูกต้องตามกฎหมายไทย มีการระบุถึงจุดหมายปลายทางชัดเจน จึงประสานทางการเมียนมาให้ตรวจสอบ เนื่องจากสารดังกล่าวมีจำนวนมาก แม้จะอ้างว่าไปในใช้เหมืองแร่ก็ตาม และสามารถนำไปเป็นสารตั้งต้นในการผลิตยาเสพติดได้
“เมื่อเข้าไปที่เมียนมา ทางการเมียนมาได้ตรวจ และพบว่า สถานที่ขนส่งปลายทางไม่ตรงกับที่ระบุไว้ในเอกสารขออนุญาต จึงจับกุมและสอบปากคำ นายสวัสดิ์ อ้างว่า จะนำสารดังกล่าวไปส่งให้ผู้ที่รอรับในย่างกุ้ง จึงดำเนินคดีเบื้องต้น ในข้อหาเข้าเมืองโดยผิดกฎหมาย และนำเข้าสารโซเดียมไซยาไนด์ โดยไม่ได้รับอนุญาต ส่วนจะมีการนำตัวมาดำเนินคดีในไทยหรือไม่ ต้องดูในข้อกฎหมายต่อไป และต้องให้ความเป็นธรรมกับผู้ต้องหาด้วย เพราะเป็นเพียงคนขับรถบรรทุกเท่านั้น” เลขาธิการ ป.ป.ส. ระบุ
นายศิรินทร์ยา กล่าวต่อไปว่า ป.ป.ส. ได้ทำการขยายผล พบว่า บริษัทขนส่งสารโซเดียมไซยาไนด์ เป็นบริษัทของคนจีน นำสารดังกล่าวมาจากประเทศไทย จึงตั้งข้อสงสัยว่า หากจะนำไปส่งที่ย่างกุ้ง เหตุใดต้องนำสารดังกล่าวเข้ามาทางแหลมฉบัง จังหวัดชลบุรี ก่อนจะขนส่งไปทางภาคเหนือ เพื่อไปย่างกุ้ง ทั้งที่ประเทศจีนกับย่างกุ้ง อยู่ติดพื้นที่สามเหลี่ยมทองคำ อย่างไรก็ตามได้ให้ทางการเมียนมาตรวจสอบว่าเหมืองแร่ในเมียนมามีความต้องการใช้สารโซเดียมไซยาไนด์ จำนวนเท่าใด เพื่อที่การทางไทยจะได้ตรวจสอบก่อนส่งออก หากมีการนำเข้าเกินกว่าที่กำหนด จะได้สกัดจับต่อไป
ทั้งนี้ ป.ป.ส. ได้ให้ห้องแล็บคำนวณ สารโซเดียมไซยาไนด์ จำนวน 15 ตัน สามารถนำไปเป็นสารตั้งต้น P2P หรือ เฟนิล-2-โพรพาโนน นำไปสกัดเป็นไอซ์ได้ 5,900 กิโลกรัม และสกัดเป็นยาบ้าได้ 295 ล้านเม็ด หากนำเข้าไปในรัฐฉาน จะนำไปสู่การผลิตยาเสพติดของกลุ่มว้าเหนือและว้าใต้ต่อไป
อีกราย เมื่อวันที่ 31 พ.ค. 2561 หน่วยปราบปรามยาเสพติดของสาธารณรัฐแห่งสหภาพเมียนมา (CCDAC) ประจำจังหวัดท่าขี้เหล็ก จับกุม นายเจริญ เกียรติพรพานิช ผู้ต้องหาหลบหนีหมายจับศาลอาญาที่ 10/2560 ลงวันที่ 13 ม.ค. 2560 พร้อมของกลาง เงินสดจำนวน 4.2 ล้านบาท เงินสดสกุลเงินเมียน จำนวน 8.445 ล้านจ๊าด ทองรูปพรรณน้ำหนัก 25 บาท รถยนต์ยี่ห้อโตโยต้า รุ่นอัลพาร์ด จำนวน 1 คัน รวมมูลค่าของกลาง 8 ล้านบาท โดยนายเจริญ ได้ร่วมกับพวกที่ถูกจับกุมก่อนหน้านี้ขนลำเลียงไอซ์หนัก 20 กก. แต่ถูก ป.ป.ส. กับดีเอสไอ จับกุมตัวได้ส่วน นายเจริญ ได้หลบหนีไปอยู่ในพื้นที่จังหวัดท่าขี้เหล็ก จึงได้ประสานงานไปยังหน่วยปราบปรามยาเสพติดของสาธารณรัฐแห่งสหภาพเมียนมา (CCDAC) จนสามารถติดตามจับกุมนายเจริญได้
ต่อมาเมื่อวันที่ 6 - 8 มิถุนายน 2561 เจ้าหน้าที่ ป.ป.ส. ในประเทศไทย และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องได้ทำการตรวจค้นและยึดทรัพย์สินของนายเจริญ ได้แก่ รถยนต์ 3 คัน รถจักรยานยนต์ 8 คัน โฉนดที่ดิน 2 แปลง ทองคำ เงินสด บัญชีธนาคาร กระเป๋าแบรนด์เนม และเครื่องประดับ รวมมูลค่าประมาณ 12,000,000 บาท มูลค่าทรัพย์สินทั้งหมดที่ยึดได้รวม 20,000,000 บาท