MGR Online - ศาลพิจารณาคำร้องและหลักทรัพย์ มีคำสั่งอนุญาตให้ปล่อยตัวชั่วคราวกลุ่มคนอยากเลือกตั้ง 15 คน ตีราคาประกันคนละ 1 แสนบาท พร้อมกำหนดเงื่อนไข ห้ามชุมนุมทางการเมือง ด้าน"ณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ"แกนนำคนเสื้อแดง โผล่ให้กำลังใจ
วันนี้ (24 พ.ค.) ที่ถ.รัชดาภิเษก ทนายความได้ยื่นคำร้องพร้อมหลักทรัพย์เป็นเงินสดขอปล่อยชั่วคราวแกนนำคนอยากเลือกตั้ง 15 คน ระหว่างสอบสวน หลังจากถูกจับกุมในวันครบรอบ 4 ปีการรัฐประหาร คสช.เมื่อวันที่ 22 พ.ค.ที่ผ่านมา
โดยศาลพิจารณาคำร้องและหลักทรัพย์แล้ว มีคำสั่งอนุญาตให้ผู้ต้องหาทั้ง15 คนมีประกันตัวไปโดยตีราคาประกันคนละ 1แสนบาท พร้อมกำหนดเงื่อนไขห้ามผู้ต้องหาชุมนุมทำการชุมนุมทางการเมืองอันละเมิดต่อกฎหมายและเป็นภยันตรายแก่สังคม ได้ควบคุมตัว นายรังสิมันต์ โรม อายุ 25 ปี นายสิรวิชญ์ เสรีธิวัฒน์ อายุ 26 ปี พร้อมพวกแกนนำและผู้ชุมนุมกลุ่มคนอยากเลือกตั้ง ที่ถูกแยกควบคุมตัวไว้ที่ สน.พญาไท 10 คน และ สน.ดินแดง 5 คน รวม 15 คน ผู้ต้องหาคดียุยงปลุกปั่นจากการชุมนุมที่หน้า ม.ธรรมศาสตร์ และหน้าองค์การสหประชาชาติ (ยูเอ็น) ในวาระครบรอบ 4 ปี รัฐประหารของคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) เมื่อวันที่ 22 พ.ค. 2561
เมื่อเวลา 15.30 น. นายณัฐวุฒิ ใสเกื้อ แกนนำ นปช.เดินทางมาให้กำลังใจนักเคลื่อนไหวกลุ่มคนอยากเลือกตั้ง กล่าวว่า วันนี้มาเป็นกำลังใจและขอแสดงความชื่นชมกลุ่มคนอยากเลือกตั้ง แต่ยังเจอกัน เนื่องจากผู้ต้องหาทั้ง 15 คน อยู่ระหว่างดำเนินการฝากขังในห้องเวรชี้ของศาล ส่วนที่มีฝ่ายข่าวของเจ้าหน้าที่รัฐอ้างว่า ก่อนการชุมนุม แกนนำคนอยากเลือกตั้งได้ไปพบกับแกนนำนปช. ที่สถานีโทรทัศน์ผ่านดาวเทียม พีซทีวี (PEACE TV) ขอปฏิเสธว่าไม่เป็นความจริง เพราะกระแสข่าวดังกล่าวตนได้ตรวจสอบกับ สถานีโทรทัศน์ผ่านดาวเทียม พีซทีวีแล้ว เหตุการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้นเมื่อวันที่ 8 พ.ค.ที่ผ่านมา โดยนายรังสิมัน โรม ได้เดินทางไปที่สถานีโทรทัศน์ผ่านดาวเทียมพีซ ทีวี ตามคำเชิญของรายการ 50 คำถาม ที่มีนายแพทย์สุรพงษ์ สืบวงศ์ลี เป็นผู้ดำเนินรายการ เป็นการกำหนดนัดหมายบันทึกเทป แล้วก็นำมาออกอากาศวันที่ 12 พ.ค.2561 ปกติรายการใดๆ ของพีซทีวีจะเชิญแขกรับเชิญท่านใดมาออกอากาศ พวกผมไม่ได้รับทราบ ไม่ได้มีส่วนในการพิจารณา แล้วก็ไม่จำเป็นว่าจะต้องรอพบหรือว่าพูดคุยกันแต่อย่างใด
นปช.จะต้องออกมานำการเคลื่อนไหว ควรจะเป็นบทบาทของกลุ่มคนอยากเลือกตั้ง ซึ่งทำได้ถูกต้องทั้งหลักการ ข้อเรียกร้อง และวิธีการที่ใช้ต่อสู้ ตนขอความกรุณาหน่วยข่าวความมั่นคงทั้งหลาย ช่วยตรวจสอบข้อเท็จจริงให้ชัดเจน พวกตนไม่ได้เข้าไปเกี่ยวข้อง อยู่เบื้องหลังหรือคอยชี้นำใดๆ ทั้งสิ้น สำนักข่าวบางแห่งระบุว่า แกนนำกลุ่มคนอยากเลือกตั้งนัดหมายพูดคุยแกนนำนปช.ทุกวันศุกร์ในแต่ละสัปดาห์ก่อนหน้าชุมนุมใหญ่ ก็ยืนยันว่าไม่มี ไม่เป็นข้อเท็จจริง ถ้าจะเอาเรื่องเอาราวอะไรแกนนำ นปช. ทั้งที่พวกผมสงบนิ่งอยู่ในที่ตั้ง ก็ถือว่าเป็นอำนาจของท่าน แต่อย่าไปทำร้าย ทำลายความบริสุทธิ์ของแกนนำกลุ่มคนอยากเลือกตั้ง ทั้งนี้รัฐบาลก็ประกาศว่าจะนำประเทศไปสู่การเลือกตั้ง เมื่อเขาออกมาบอกว่าอยากเลือกตั้งจึงไม่น่าจะเป็นเรื่องที่จะต้องขัดแย้งกัน
ผู้สื่อข่าวถามว่า ตอนนี้บุคคลที่ออกมาให้กำลังใจส่วนใหญ่เป็นกลุ่มที่อยู่ตรงข้ามรัฐบาล
นายณัฐวุฒิ กล่าวว่า รัฐบาล คสช.ในฐานะผู้มีอำนาจต้องมองประชาชนทุกกลุ่มทุกฝ่าย และต้องดูแลเอาใจใส่ รับฟังและเคารพในสิทธิเสรีภาพ ส่วนตัวไม่อยากให้คิดอย่างนั้น เพราะไม่อยากให้เกิดการเผชิญหน้ากัน แม้ว่าประชาชนจำนวนหนึ่งจะเห็นต่างกับคสช. แต่ก็ไม่ได้ต้องการสู้ในสถานการณ์เช่นนี้ เขาต้องการจะไปต่อสู้กันในสนามเลือกตั้ง ขณะที่แกนนำนปช.ยืนยันจะไม่ตั้งพรรคการเมือง ส่วนพี่น้องที่ร่วมเคลื่อนไหวกับนปช.จะตั้งพรรคหรือไม่นั้นเป็นสิทธิที่สามารถกระทำได้ เราไมได้ห้าม ขณะเดียวกันที่นายสุเทพ เทือกสุบรรณระบุว่าจะไม่ยุ่งเกี่ยวทางการเมืองอีกแล้ว ตนก็ไม่เคยเชื่อ ถ้านายสุเทพจะตั้งพรรคการเมือง หรือมีบทบาทใดๆ ตนจึงไม่อยากที่จะแสดงความคิดเห็นก็เป็นเรื่องที่นายสุเทพจะต้องพิจารณา
ภายหลังแกนนำคนอยากเลือกตั้งทั้งหมด 15 คน ได้รับการประกันตัว นายรังสิมันต์ กล่าวว่า สิ่งที่คนอยากเลือกตั้งยืนยันมาตลอดคือการชุมนุมอย่างสันติ ไม่ก่อความเดือดร้อนใดๆ เรามีเสรีภาพในการชุมนุม ซึ่งถูกรับรองไว้ในรัฐธรรมนูญ เราพยายามเจรจาหาหนทางอย่างสันติต่อเจ้าหน้าที่ตำรวจอยู่ตลอดเวลา แต่สิ่งที่เราได้รับแม้ว่าเราจะได้แจ้งการชุมนุมตาม พ.ร.บ.ชุมนุมฯ แล้วก็ตาม พบว่าวันที่ 22 พ.ค. ที่ผ่านมา เจ้าหน้าที่หลายกองร้อยได้ปิดถนน มากกว่าผู้ชุมนุมด้วยซ้ำ แล้วมาบอกว่าการชุมนุมของคนอยากเลือกตั้งจะสร้างความวุ่นวายต่อการจราจร ไม่เรียบร้อย ทั้งที่เรามีความประสงค์จะใช้แค่ถนน 1 เลนในการเดิน และจะเดินเมื่อพ้นชั่วโมงเร่งด่วนแล้วด้วยซ้ำ เรามีความปรารถนาดีอยากเห็นประเทศไทยคืนสู่ระบอบประชาธิปไตย อยากเห็นคนไทยมีโอกาสเลือกตั้งอีกครั้ง เราออกมาต่อสู้ทั้งที่ราคาแสนแพงเพราะต้องแลกด้วยสิทธิเสรีภาพ
ด้าน น.ส.ณัฏฐา กล่าวถึงการเคลื่อนชุมนุมจากมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ว่า ขณะนั้นมวลชนจำนวนหนึ่งมีความมุ่งมั่นจะไปถึงทำเนียบรัฐบาลให้ได้ จึงออกด้านหลัง ม.ธรรมศาสตร์ เดินเท้าไปจนถึงหน้ายูเอ็น เมื่อมีการปิดกั้นโดยเจ้าหน้าที่เราจึงนั่งลงหน้ายูเอ็นเพื่อไม่ให้เกิดความรุนแรง แต่หลังจากนั้นเจ้าหน้าที่ล้อมวงกันเข้ามาเพื่อจับกุม เราก็เจรจาเพื่อคลี่คลายสถานการณ์ ยื่นข้อเสนอขอให้เราได้อ่านแถลงการณ์แล้วให้นำตัวพวกเราแกนนำไป สน. ดังนั้นคือเราเสนอมอบตัว แต่สิ่งที่เกิดขึ้นคือเจ้าหน้าที่เขียนรายละเอียดว่าเป็นการจับกุม
ส่วน นายสิรวิชญ์ กล่าวว่า ในวันที่ 23 พ.ค. ศาลเปิดทำการแล้ว แต่เจ้าหน้าที่ยังควบคุมตัวเราต่อไปเพราะต้องแจ้งข้อหาตาม พ.ร.บ.ชุมนุมฯ เพิ่ม ซึ่งตอนแรกในคืนวันที่ 22 พ.ค.เราถามเจ้าหน้าที่แล้วบอกไม่แจ้งข้อหา ทำให้เราต้องนอนห้องขังเพราะต้องรอแจ้งข้อหาอีก คดีอัตราโทษไม่สูงแต่ต้องขังเราเพิ่ม 1 วัน สภาพความเป็นอยู่ก็ไม่ถูกสุขลักษณะสำนักงานตำรวจแห่งชาติควรจะปรับปรุงตรงนี้เพื่อสิทธิของผู้ถูกกล่าวหาทุกคน
ผู้สื่อข่าวถามถึงแนวทางเคลื่อนไหวทางการเมืองหลังจากนี้ นายรังสิมันต์ กล่าวว่า เราดำเนินกิจกรรมตามโรดแม็ปที่แถลงไว้ 7 ครั้ง และต่างจังหวัดอีกหลายครั้ง เราอาจจะต้องกลับไปเตรียมการอีกครั้งหนึ่ง เราต้องกลับไปคุย เพราะ 22 พ.ค. เป็นโรดแม็ปสุดท้าย เรายังไม่ได้มีการพูดคุยกัน ต้องขอเวลา แต่เรายืนยันว่าไม่ใช่วันสุดท้ายของกลุ่มคนอยากเลือกตั้ง เราจะยังคงเห็นการเดินหน้าต่อสู้ต่อไปจนกว่าประเทศไทยจะมีประชาธิปไตย มีการเลือกตั้ง ขณะที่นายสิรวิชญ์กล่าวเสริมว่า เงื่อนไขไม่ได้ห้ามชุมนุม แต่ห้ามชุมนุมขัดต่อกฎหมายและไม่อันตรายต่อสาธารณชน ที่เรายืนยันว่าเราไม่ขัดกฎหมาย แค่ขัดประกาศ คสช. ซึ่งเราไม่ยอมรับว่าเป็นกฎหมาย และไม่เคยสร้างอันตรายต่อสาธารณชน เรายังชุมนุมได้ต่อไป จากนั้นกลุ่มแกนนำจึงชู 3 นิ้วพร้อมกับไชโยโห่ร้องที่หน้าศาล ว่า"ประชาธิปไตยจงเจริญ เผด็จการจงพินาศ" โดยมีมวลชนมาแสดงความยินดีและถ่ายรูปก่อนจะแยกย้ายกันกลับ