MGR Online - มรรคนายก “วัดตราชู” พร้อมกลุ่มชาวบ้านสิงห์บุรี ร้องกองปราบปรามตามหาพระพุทธรูปสมัย ร.๔ วัดประจำท้องถิ่นที่ก่อนหน้านี้ได้หายไปถึง 3 องค์ “บิ๊กฉิม” แจงตามคืนได้แล้ว 1 องค์
วันนี้ (18 พ.ค.) ที่กองปราบปราม เมื่อเวลา 13.00 น. นายปรีชา จีนขจร อายุ 57 ปี มรรคนายกของวัดตราชู พร้อมกลุ่มชาวบ้านตำบลบ้านหม้อ อ.พรหมบุรี จ.สิงห์บุรี กว่า 50 คน เดินทางเข้าพบ พล.ต.ต.ไมตรี ฉิมเฉิด ผบก.ป. พร้อมถือป้ายเดินขบวนเพื่อทวงพระพุทธรูปบูชาของวัดตราชู วัดประจำท้องถิ่นของชาวบ้านที่ก่อนหน้านี้ได้หายไปถึง 3 องค์ พร้อมกันนี้ก็ขอมาให้กำลังใจตำรวจกองปราบปรามนายหนึ่งที่เข้ามาสืบสวนคดีดังกล่าวจนถูกย้ายไปจากตำแหน่งเดิม
นายปรีชากล่าวว่า พระพุทธรูปดังกล่าว มีชื่อว่า “พระรัตน” มีขนาดหน้าตัก 24 นิ้ว ส่วนอีก 2 องค์ที่เหลือก็มีขนาดใกล้เคียงกันโดยเป็นพระพุทธรูปเก่าแก่ตั้งแต่สมัยรัชกาลที่ ๔ ปกติจะถูกเก็บไว้บนชั้นที่ 2 ของหอระฆัง มีเจ้าอาวาสเพียงรูปเดียวที่เก็บกุญแจไว้ ต่อมาเมื่อปี 2559 ก็ทราบว่าหายไปทั้ง 3 องค์ โดยชาวบ้านได้สอบถามกับพระครูไกรศรวิลาศ เจ้าอาวาสวัดตราชู บอกว่าไม่ทราบว่าหายไปตั้งแต่เมื่อไหร่ แต่ก็พยายามจะติดตามกลับมาให้ หลังจากนั้นไม่นานเจ้าอาวาสก็มาบอกว่าได้พระกลับคืนมาแล้วทั้งหมด แต่เมื่อพวกตนไปดูก็พบว่าไม่ใช่พระพุทธรูปที่หายไป ทราบภายหลังว่ามีการไปนำพระพุทธรูปมาจากวัดพิกุลทอง จ.สิงห์บุรี เรื่องนี้ชาวบ้านสงสัยว่าน่าจะมีใบสั่งให้มีผู้เข้ามาขโมยพระไป และเจ้าอาวาสก็ต้องรับผิดชอบกับเรื่องที่เกิดขึ้นอีกด้วยเพราะเป็นหน้าที่โดยตรงที่ต้องรักษาทรัพย์สินของทางวัด
นายปรีชากล่าวอีกว่า ต่อมาเมื่อวันที่ 18 มี.ค.ที่ผ่านมา พระครูไกรศรวิลาศก็หายตัวไปจากวัดอย่างไร้ร่องรอย หลังจากที่ทราบเรื่องว่าคดีนี้มีตำรวจกองปราบปรามเข้ามาสืบสวนติดตามหาพระพุทธรูปที่หายไป รวมทั้งสืบหาตัวผู้ก่อเหตุด้วย แต่ปรากฏว่าตำรวจนายดังกล่าวก็ถูกย้ายจากตำแหน่งเดิม ไม่สามารถทำคดีต่อไปได้ กลุ่มชาวบ้านเชื่อว่าน่าจะมีสาเหตุมาจากคดีนี้จึงพากันเข้ามาร้องขอให้กองปราบปรามช่วยสืบสวนติดตามหาพระพุทธรูปที่หายไป และคนร้ายด้วย พร้อมขอให้อย่าย้ายตำรวจนายดังกล่าวออกไปอีกด้วย
ด้าน พล.ต.ต.ไมตรีกล่าวว่า คดีนี้ตนรับทราบเรื่องแล้ว ที่ผ่านมาก็เร่งรัดคดีมาตลอด ทราบอีกด้วยว่าขณะนี้สามารถติดตามพระพุทธรูปกลับมาได้แล้ว 1 องค์ ส่วนกลุ่มคนร้ายก็พอทราบตัวแล้วว่ามีใครบ้าง ตนได้เร่งรัดชุดสืบสวนให้ดำเนินการอย่างเร่งด่วนไปแล้ว ส่วนกรณีการโยกย้ายเจ้าหน้าที่ตำรวจก็ไม่น่าจะมีสาเหตุจากเรื่องนี้ น่าจะเป็นเรื่องที่ผู้บังคับบัญชาพิจารณาถึงความเหมาะสมมากกว่า