กองปราบคุมตัว เจ้าอาวาสวัดตราชู พร้อมรองเจ้าอาวาสวัดกุฎีทอง สิงห์บุรี สอบปากคำ หลังชาวบ้านร้องเรียน พระพุทธรูปบูชา 3 องค์ สร้างยุค ร.๔ หายไปจากหอระฆังของวัดตราชู คุมตัวสอบสวนที่กองปราบ ก่อนส่งฝากขังที่ศาลทุจริตภาค 1 จ.สระบุรี
วันนี้ (24 พ.ค.) พ.ต.อ.จรูญเกียรติ ปานแก้ว รอง ผบก.ป. พร้อมกำลังเจ้าหน้าที่ได้ควบคุมตัวพระครูวิลาสกิจจานุกูล รองเจ้าอาวาสวัดกุฎีทอง อ.พรหมบุรี จ.สิงห์บุรี ฐานเป็นผู้สนับสนุนเจ้าพนักงานและมีหน้าที่ซื้อทำจัดการหรือรักษาทรัพย์ใดหรือเป็นของผู้อื่นหรือโดยทุจริต ยอมให้ผู้อื่นเอาทรัพย์นั้นเสีย และควบคุมตัวพระครูไกรศรวิลาศ เจ้าอาวาสวัดตราชู อ.พรหมบุรี จ.สิงห์บุรี ในข้อหาเป็นเจ้าพนักงานมีหน้าที่ซื้อทำจัดการหรือรักษาทรัพย์ใดหรือเป็นของผู้อื่นหรือโดยทุจริต ยอมให้ผู้อื่นเอาทรัพย์นั้นเสีย
การควบคุมพระทั้งสองรูปเนื่องจากก่อนหน้านี้ ชาวบ้าน ต.บ้านหม้อ อ.พรหมบุรี จ.สิงห์บุรี ได้ร้องเรียนต่อเจ้าหน้าที่ตำรวจกองปราบปรามว่าพระพุทธรูป 3 องค์ หรือพระรัตน พระพุทธรูปเก่าแก่สร้างขึ้นตั้งแต่สมัยรัชกาลที่ ๔ ซึ่งเคยตั้งประดิษฐานประจำอยู่ภายในหอระฆังของวัดตราชูได้หายไป แล้วมีพระพุทธรูปใหม่มาไว้แทน ทั้งนี้ พระพุทธรูปทั้ง 3 องค์เป็นที่เคารพสักการะของประชาชนในพื้นที่และพุทธศาสนิกชนโดยทั่วไป และก่อนหน้านี้ เคยร้องทุกข์เพื่อขอให้มีการติดตามพระพุทธรูปดังกล่าวกลับคืน แต่คดีไม่คืบหน้า และมีการโยกย้ายเจ้าหน้าที่ตำรวจที่ทำคดีก่อนหน้านี้ด้วย
ภายหลังกองปราบปรามได้รับแจ้ง ชุดสืบสวน กก.4 บก.ป. ได้ลงพื้นที่สืบหาเบาะแสจนทราบว่าพระทั้ง 2 รูปดังกล่าวมีส่วนเกี่ยวข้อง เนื่องจากพระครูไกรศรได้เป็นผู้นำพระพุทธรูป 3 องค์ดังกล่าวไปขอแลกรถยนต์ฮอนด้า แอคคอร์ด และเงิน 2 แสนบาท จากพระครูวิลาสกิจจานุกูล เจ้าหน้าที่จึงได้ทำการรวบรวมพยานหลักฐานจนกระทั่งมีการออกหมายจับ และนำกำลังเข้าไปติดตามจับกุมตัวได้ดังกล่าว ก่อนจะทำการควบคุมตัวพระทั้ง 2 รูปมาทำการสอบปากคำ
ทั้งนี้ ทางชุดจับกุมได้นิมนต์พระทั้ง 2 รูปมาสอบปากคำที่ บก.ป.แล้ว โดยยังอยู่ในระหว่างการสอบปากคำอย่างเคร่งเครียด ก่อนคุมตัวส่งไปขออำนาจศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบภาค 1 จังหวัดสระบุรี เพื่อผัดฟ้องฝากขังในวันที่ 25 พ.ค.นี้