ศาลเลื่อนอ่านคำพิพากษาศาลฎีกา คดี 11 อดีตตำรวจ สน.พญาไท อุ้มสาวใหญ่ถุงดำคลุมหัว บีบบังคับให้รับสารภาพคดียาบ้า 100 เม็ด หลังจากหนึ่งในจำเลยขอกลับคำเป็นรับสารภาพเพื่อขอให้ลงโทษสถานเบา
วันนี้ (11 พ.ค.) เมื่อเวลา 09.00 น. ที่ห้องพิจารณา 709 ศาลอาญา ถ.รัชดาภิเษก ศาลนัดอ่านคำพิพากษาศาลฎีกาคดีหมายเลขดำที่ อ.830/2549 กรณีนางกรองกาญจน์ ถิ่นอ่อน อายุ 58 ปี เป็นโจทก์ยื่นฟ้อง พ.ต.ต.สมิง รอดรัตษะ อดีต สว.สส.สน.พญาไท (ปัจจุบันยศ พ.ต.อ.), พ.ต.อ.พรรณศักดิ์ วรวิบูลย์สวัสดิ์ อดีต รอง สว.สส.สน.พญาไท (ปัจจุบันยศ พ.ต.ท.), ร.ต.อ.กิตติพงษ์ สิมมาลี, ด.ต.ภิญโญ แสงทิพย์, ด.ต.อภิทักษ์ แก้วเกลื่อน, ด.ต.อวยชัย ทับสุรีย์, จ.ส.ต.บุญเรือง บุตรวงศ์, จ.ส.ต.รุ่ง ทิพย์ขำ, จ.ส.ต.หญิง ศศิธร ทับสุรีย์, จ.ส.ต.วันเผด็จ แท่นรัตน์ และ ส.ต.ท.สุธรรม แย้มช่วย เจ้าหน้าที่ฝ่ายสืบสวน สน.พญาไท (ยศและตำแหน่งขณะเกิดฟ้องปี 2549) เป็นจำเลยที่ 1-11 ในความผิดฐานเป็นเจ้าพนักงานปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบฯ เพื่อให้เกิดความเสียหายกับผู้อื่น, เป็นเจ้าพนักงานมีหน้าที่ทำเอกสารรับรองหลักฐานฯ อันเป็นเท็จ, ผู้ใดแจ้งข้อความเท็จเกี่ยวกับความผิดอาญาแก่อัยการ ผู้ว่าคดีฯ, ผู้ใดขืนใจผู้อื่นให้กระทำการใดหรือจำยอมต่อสิ่งใดโดยทำให้กลัวว่าจะเกิดอันตรายต่อชีวิต เสรีภาพ ทรัพย์สินฯ และผู้ใดหน่วงเหนี่ยวกักขังผู้อื่นทำให้ปราศจากเสรีภาพฯ ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 157, 162, 172, 309, 310 ทวิ
ทั้งนี้ เหตุเกิดเมื่อวันที่ 16 มิถุนายน 2548 จำเลยที่ 1-11 ร่วมกันแสดงตัวเป็นเจ้าหน้าที่เป็นเจ้าพนักงานตำรวจจับกุมนางกรองกาญจน์ โจทก์ โดยไม่มีหมายจับของศาล และใช้กำลังและอาวุธบังคับขืนใจโจทก์ให้ขึ้นรถยนต์ไปกับพวกจำเลย ระหว่างนั้นใช้ถุงดำคลุมศีรษะและรัดคอโจทก์ไว้เพื่อข่มขู่ให้โจทก์รับสารภาพคดีมียาบ้าจำนวน 100 เม็ดไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่าย ซึ่งโจทก์ได้ปฏิเสธ แต่จำเลยไม่ยอมปล่อยตัวและไม่นำส่งพนักงานสอบสวนหรือพาไปยังสถานีตำรวจ กลับให้โจทก์พาไปโกดังของโจทก์เพื่อตรวจค้นแต่ก็ไม่พบสิ่งผิดกฎหมาย แล้วจำเลยกับพวกกลับร่วมกันทำเอกสารการจับกุมและเอกสารอื่นๆ อันเป็นเท็จโดยบังคับให้โจทก์ลงลายมือชื่อในเอกสารดังกล่าวที่ได้จัดพิมพ์ไว้แล้วซึ่งมีข้อความว่ารับสารภาพ
วันนี้ พ.ต.อ.สมิง พร้อมพวกจำเลยซึ่งได้รับการประกันตัวในชั้นอุทธรณ์เดินทางมาศาล ส่วนตัวโจทก์ไม่มาศาล โดยพวกจำเลยได้พยายามหลบเลี่ยงผู้สื่อข่าวที่มารอถ่ายภาพ
ต่อมาเวลา 09.35 น. ศาลมีคำสั่งเลื่อนการอ่านคำพิพากษาศาลฎีกา เนื่องจาก จ.ส.ต.วันเผด็จ แท่นรัตน์ จำเลยที่ 10 ยื่นคำร้องขอกลับคำให้การเป็นรับสารภาพและขอให้ศาลลงโทษสถานเบา สอบถามคู่ความแล้วไม่คัดค้าน ศาลพิจารณาแล้วอาจมีคำวินิจฉัยใหม่แก่จำเลยที่ 10 จึงส่งให้ศาลฎีกาพิจารณาต่อไป โดยขณะนี้ยังไม่กำหนดวันนัดอ่านคำพิพากษาศาลฎีกาในครั้งต่อไป เนื่องจากต้องรอให้ศาลฎีกาพิจารณาเรื่องดังกล่าวให้แล้วเสร็จ
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า คดีนี้จำเลยทั้งหมดให้การปฏิเสธ โดยศาลชั้นต้นมีคำพิพากษาเมื่อวันที่ 22 ธ.ค. 2552 เห็นว่า พยานโจทก์เบิกความสอดคล้องเป็นลำดับขั้นตอน หากไม่เป็นความจริงก็ยากที่จะปั้นแต่งเรื่องขึ้นเอง และยังสอดคล้องกับหนังสือร้องขอความเป็นธรรมถึง ผบ.ตร. ลงฉบับวันที่ 22 กันยายน 2548 ด้วย จึงฟังได้ว่า จำเลยที่ 1, 2, 7, 8, 10, 11 ทำผิดตามฟ้อง จึงให้ลงโทษฐานปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบฯ ที่เป็นบทหนักสุด จำคุกคนละ 5 ปี ส่วนจำเลยที่ 6, 9 ให้ลงโทษฐานเป็นเจ้าพนักงานปฏิบัติฯ โดยมิชอบ และเจ้าพนักงานทำเอกสารเท็จ ที่เป็นบทหนักสุดจำคุกคนละ 4 ปี โดยให้ยกฟ้องจำเลยที่ 3, 4, 5 ต่อมาจำเลยที่ 1, 2, 6, 7, 8, 9, 10, 11 ยื่นอุทธรณ์ กระทั่งมีการอ่านคำพิพากษาศาลอุทธรณ์เมื่อวันที่ 30 ส.ค. 2556 พิพากษาแก้เป็นให้ลดโทษจำเลยที่ 1, 2, 7, 10 เหลือจำคุกคนละ 4 ปี และจำคุกจำเลยที่ 8, 11 เหลือคนละ 3 ปี และให้ยกฟ้องจำเลยที่ 6, 9 ส่วนจำเลยที่ 3, 4, 5, 6 ก็พิพากษายืนให้ยกฟ้อง
สำหรับครั้งนี้ถือเป็นการเลื่อนอ่านคำพิพากษาศาลฎีกาครั้งที่ 2 หลังจากนัดอ่านครั้งแรกเมื่อวันที่ 22 มี.ค. 2561 เนื่องจาก พ.ต.อ.สมิง จำเลยที่ 1 และ จ.ส.ต.หญิง ศศิธร จำเลยที่ 9 ไม่มาศาลในวันดังกล่าว โดยยื่นใบรับรองแพทย์ อ้างเหตุป่วยนอนรักษาตัวอยู่ที่โรงพยาบาล