MGR Online - เจ้าของธุรกิจค้าเพชร ร้องกระทรวงยุติธรรม ขอความเป็นธรรมติดตามเพชรคืนจากตำรวจ บก.ป.มูลค่า 11 ล้าน หลังถูกอายัดแต่ยังไม่รับเพชรคืน ร้องขอให้รับเป็นคดีพิเศษ
วันนี้ (25 เม.ย.) เวลา 10.00 น. ที่ศูนย์บริการร่วม กระทรวงยุติธรรม (ยธ.) น.ส.จีระพันธ์ จุลพันธ์ อายุ 57 ปี เจ้าของธุรกิจค้าขายเพชร เขตภาษีเจริญ กทม. เดินทางยื่นเรื่องต่อนายธวัชชัย ไทยเขียว รองปลัดกระทรวงยุติธรรม เพื่อขอความเป็นธรรม ให้ตรวจสอบและดำเนินการกรณีพนักงานสอบสวนไม่คืนของกลางเพชรตามคำสั่งพนักงานอัยการ
น.ส.จีระพันธ์กล่าวว่า เมื่อปี 2556 ตนเองถูกกล่าวหาในคดีอาญาที่ 21/2557 ของกองบังคับการปราบปราม ซึ่ง น.ส.ผาติรัตน์ ใจเย็น เป็นผู้กล่าวหาว่าตนในข้อหายักยอกเพชรมูลค่าประมาณ 11 ล้านบาท โดยมี ร.ต.ท.สมโชค ปานพิมพ์ พนักงานสอบสวน กองกำกับการ 1 กองบังคับการปราบปราม ดำรงตำแหน่งในขณะนั้น เป็นพนักงานสอบสวนคนแรก ต่อมามีการแต่งตั้ง พล.ต.ต.ชวลิต แสวงพืชน์ รองผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง เป็นหัวหน้าคณะพนักงานสืบสวนสอบสวน
น.ส.จีระพันธ์กล่าวอีกว่า ตนได้ยื่นเรื่องร้องทุกข์ผ่านศูนย์บริการประชาชน สำนักงานปลัดนายกรัฐมนตรี และต่อสู้คดีจนพ้นข้อกล่าวหา โดยคณะพนักงานสืบสวนสอบสวนมีความเห็นทางคดีเห็นควรสั่งไม่ฟ้อง ตนเองกับนายวรดิษฐ์ จุลพันธ์ ลูกชาย และอัยการพิเศษฝ่ายคดีศาลแขวง 7 มีคำสั่งเด็ดขาดไม่ฟ้องตามหนังสือสำนักงานอัยการพิเศษฝ่ายคดีศาลแขวง 7 ที่ อส 0013.7/0435 ลงวันที่ 8 ก.พ. 2561 พร้อมทั้งมีคำสั่งให้คืนของกลาง ตนเองจึงได้ไปติดตามของกลางที่กองบังคับการปราบปราม เมื่อวันที่ 13 และ 26 ก.พ. 2561 แต่ไม่ได้รับคืนของกลางแต่อย่างใด ขณะที่ตำรวจที่เกี่ยวข้องจำนวน 5 นาย ได้ต่อสู้คดีโดยคดีอยู่ชั้นศาลฎีกา ขณะนี้ตนเองถูกคุกคามข่มขู่ ดังนั้นจึงต้องการให้กระทรวงยุติธรรมช่วยคุ้มครองความปลอดภัยและส่งเรื่องให้รับไว้เป็นคดีพิเศษ เนื่องจากมีเจ้าหน้าที่ตำรวจเกี่ยวข้อง เกรงว่าจะไม่ได้รับความเป็นธรรม
นายธวัชชัยเปิดเผยว่า เบื้องต้นระเบียบการตำรวจเรื่องของกลางต้องมีการบันทึกในการเก็บรักษาของกลาง โดยมีตำรวจระดับสารวัตรหรือผู้ได้รับมอบหมายเป็นผู้ดูแล แต่หากพบว่าเจ้าหน้าที่ตำรวจมีความประมาทเลินเล่อหรือเอาไปใช้เองก็อาจต้องถูกดำเนินการทางวินัย และต้องชดใช้ทรัพย์สินคืน ทั้งนี้ ได้สั่งการให้ตรวจสอบข้อเท็จจริงประมาณ 37 วัน โดยเตรียมส่งเรื่องให้สำนักงานตำรวจแห่งชาติดำเนินการภายในสัปดาห์นี้ทันที ส่วนการรับเป็นคดีพิเศษต้องเป็นเรื่องที่ยุ่งยากซับซ้อน แต่จะรายงานให้อธิบดีดีเอสไอรับทราบก่อน นอกจากนี้ หากผู้เสียหายถูกคุกคามต้องมายื่นเรื่องร้องเรียนการคุ้มครองพยาน กระทรวงยุติธรรม เพื่อพิจารณาตามขั้นตอนต่อไป