มารดาหนุ่มตามด่า “น้ำหวาน ซาซ่า” ในไอจีนาน 6 ปี เข้าเจรจาไกล่เกลี่ย เผยลูกป่วยทางจิตตั้งแต่ 4 ขวบ รับปากจะยึดโทรศัพท์-พาไปรักษา ตำรวจลั่นหากไม่ทำตามที่พูดเจอหมายจับแน่
จากกรณี น.ส.พิมรา เจริญภักดี หรือน้ำหวาน ซาซ่า อายุ 34 ปี อดีตนักร้องเกิร์ลกรุ๊ปชื่อดังวงซาซ่า ได้แจ้งความร้องทุกข์ต่อเจ้าหน้าที่ตำรวจ สน.ดอนเมือง ให้ดำเนินคดีในข้อหาหมิ่นประมาทโดยการโฆษณาและสร้างความเดือดร้อนรำคาญต่อชายเจ้าของอินสตาแกรม ชื่อ “spiritmhilesvhey” ที่พิมพ์ข้อความด่าหยาบคาย และลามกอนาจารต่อเนื่องนานกว่า 6 ปี ตามที่มีการนำเสนอข่าวไปแล้วนั้น
ความคืบหน้าเมื่อเวลา 13.30 น. วันที่ 10 เม.ย. ที่ สน.ดอนเมือง น.ส.พิมรา เจริญภักดี หรือน้ำหวาน ซาซ่า อายุ 34 ปี พร้อมด้วย น.ส.พลอย เจริญปุระ อายุ 55 ปี มารดา และผู้จัดการส่วนตัว เดินทางเข้าพบ ร.ต.อ.เทพพิทักษ์ สินสืบ รอง สว.(สอบสวน) สน.ดอนเมือง เพื่อติดตามความคืบหน้าของคดี ภายหลังทราบว่าตำรวจรู้ตัวชายที่พิมพ์ข้อความคุกคามแล้ว โดยวันนี้พนักงานสอบสวนได้เชิญตัวนางนิภา สิรินันทิ อายุ 53 ปี อาชีพค้าขาย มารดาของนายธีรโชติ สิรินันทิ อายุ 24 ปี ชายที่พิมพ์ข้อความมาสอบปากคำและไกล่เกลี่ยคดี โดยทันทีที่ทั้งสองพบกัน นางนิภาได้ยกมือขอโทษ น.ส.พิมรา ถึงเรื่องที่ลูกชายก่อขึ้น
ภายหลังพูดคุยไกล่เกลี่ยกันนานกว่า 90 นาที น.ส.พิมราเปิดเผยว่า วันนี้ตนมาตามความคืบหน้าเรื่องที่ตนถูกคุกคาม ที่ผ่านมาก็มีอัปเดตเรื่อยๆ เช่น ออกหมายเรียกผู้ต้องหา ส่วนวันนี้ทางตำรวจได้เชิญนางนิภา แม่ของผู้ที่พิมพ์ข้อความคุกคามมาพบ ความจริงอยากเชิญตัวน้องมา แต่ฝ่ายนั้นบอกท้องเสียมาไม่ได้จึงเจอกับแม่แทน จากการพูดคุยกัน นางนิภาบอกว่าขอเวลาแก้ปัญหาอีกระยะหนึ่ง ฝ่ายตนจึงขอให้แม่พาน้องไปรักษา อีกฝ่ายก็สัญญากับตนและรับปากตำรวจว่าทำตาม ส่วนตัวรู้สึกเห็นใจอีกฝ่ายซึ่งแม่ของผู้ต้องหาได้ถามว่าต้องการอะไร ตนตอบกลับไปว่าต้องการให้ไปรักษาเท่านั้น และการรักษาต้องมีสิ่งมายืนยันคือใบรับรองจากแพทย์หรืออื่นๆ โดยทางนางนิภารับปากว่าในวันที่ 12 เม.ย.นี้จะพาน้องไปรักษา
“ถามอีกฝ่ายไปว่าได้ลงรูปในอินสตาแกรมในระหว่างที่นั่งคุยกันที่โรงพัก นายธีรโชติก็ยังส่งข้อความคุกคามเข้ามาอยู่ นางนิภาจะทำอย่างไร เคยคิดจะทำอะไรกับอุปกรณ์สื่อสารของลูกหรือไม่ เพราะเป็นจุดเริ่มต้น จึงอยากให้ระงับการใช้โทรศัพท์ก่อนที่จะเข้ารับการรักษา ซึ่งนางนิภาดูเหมือนจะไม่อยากทำ แต่ก็ให้สัญญากับเราและตำรวจว่า หลังจากแยกย้ายกลับบ้านกันไป ไม่ว่าจะลงรูปอะไรก็ตามจะไม่มีการส่งข้อความคุกคามอีก หากไม่ทำตามที่สัญญา ในวันที่ 11 เม.ย.นี้ นางนิภาจะพาลูกชายที่พิมพ์ข้อความมาเจอกันที่ สน.ดอนเมือง อย่างไรก็ตาม ถ้าอีกฝ่ายไม่หยุดส่งข้อความ และไม่มาโรงพักตามที่สัญญากันไว้ ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจจะดำเนินการออกหมายจับ ซึ่งเราไม่อยากให้ไปถึงขั้นนั้น” น.ส.พิมรากล่าว
น.ส.พิมรากล่าวต่อว่า ตนเคยขอให้นางนิภาพานายธีรโชติไปรักษา แต่นางนิภาบอกว่าไม่มีเงิน ตนและแม่ ยินดีที่จะดูแลรับผิดชอบในส่วนของค่ารักษาทั้งหมด แต่ปัญหาคือนางนิภาอยากพาลูกไปรักษาหรือไม่ ทั้งนี้ หากมีการพาไปรักษาก็ยินดีที่จะถอนแจ้งความ เพราะไม่อยากเอาเรื่อง ส่วนเรื่องงานนั้นกระทบมานานแล้ว ไม่ว่าใครจ้างงานก็ได้เห็นข้อความที่พิมพ์คุกคามมาเช่น ชั่ว เหี้ยมโหด คนที่จะจ้างงานก็เกิดคำถามทำไมถึงมีคนมาว่าเรา ช่วงนี้ตนเป็นพรีเซ็นเตอร์สินค้า 1 ตัวเกี่ยวกับผิวหน้า มีการตกลงให้ตนลงรูปในอินสตาแกรม วันนี้ก็ต้องลงรูปแต่ตนไม่กล้าลงเพราะกลัว
ด้านนางนิภาเปิดเผยว่า ตนมีลูก 2 คน เป็นชาย 1 หญิง 1 คนที่ส่งข้อความหา น.ส.พิมรา คือลูกชายคนโต โดยลูกชายตนมีอาการบกพร่องทางจิตมาตั้งแต่ 4 ขวบ ปัจจุบันต้องรับยาจาก รพ.ศิริราช และรพ.สมเด็จเจ้าพระยา หากวันไหนไม่ได้กินยาจะนอนไม่หลับ นิสัยทั่วไปมักมีอาการไฮเปอร์ สมาธิสั้น อารมณ์ฉุนเฉียวรุนแรง ถ้าขัดใจจะอาละวาด ที่ผ่านมาตนเคยคุยกับทางครอบครัวของ น.ส.พิมราแล้วว่าเคยตัดสัญญาณอินเทอร์เน็ตแล้วทำให้ลูกชายอาละวาด ทั้งนี้ ยืนยันว่าจะกลับไปยึดโทรศัพท์ลูกชายเพื่อไม่ให้ส่งข้อความคุกคามอีก และในวันที่ 12 เม.ย.นี้จะพาลูกชายไปรักษาอาการป่วยที่ รพ.สมเด็จเจ้าพระยา และจะนำใบผลตรวจมาให้เจ้าหน้าที่ต่อไป
ขณะที่ ร.ต.อ.เทพพิทักษ์ เปิดเผยว่า วันนี้ทางนางนิภาได้มาชี้แจงอาการป่วยของผู้ต้องหา ขณะที่ทาง น.ส.พิมรานั้น เรียกร้องให้นางนิภายึดโทรศัพท์ของลูกชาย ตัดสัญญาณอินเทอร์เน็ตและพาไปรักษาถึงวันที่ 12 เม.ย.นี้ ทั้งนี้ หากฝ่ายนางนิภาไม่ทำตามที่รับปากไว้ ในวันที่ 17 เม.ย.นี้ พนักงานสอบสวนก็จะดำเนินการยื่นคำร้องขอศาลออกหมายจับ เนื่องจากออกหมายเรียกไปแล้ว 2 ครั้ง ทั้งนี้ หากทางผู้ต้องหาทำตามข้อตกลงที่ไกล่เกลี่ยกัน แล้วผู้เสียหายพอใจที่จะถอนแจ้งความก็สามารถทำได้