MGR Online - กองปราบปรามร่วมกับสหรัฐฯ ปฏิบัติการล่าข้ามโลกทลายองค์กรอาชญากรรมไซเบอร์ข้ามชาติ ตรวจค้นจับกุมคนร้ายพร้อมกันใน 14 ประเทศ 5 ทวีปมีสมาชิกในองค์กร 10,901 รายทั่วโลก จับกุมนายเซอร์เกย์ เมดเวเดฟ สัญชาติรัสเซีย หลังมากบดานอยู่ย่านคอนโดฯ ถ.สุขุมวิท ตาม พ.ร.บ.ส่งผู้ร้ายข้ามแดน
วันนี้ (9 ก.พ.) ที่กองปราบปราม พล.ต.ท.ฐิติราช หนองหารพิทักษ์ ผบช.ก. สั่งการ พล.ต.ต.ไมตรี ฉิมเฉิด ผบก.ป. พ.ต.อ.ต่อศักดิ์ สุขวิมล ผกก.ปพ.บก.ป.พ.ต.อ.ธงชัย อยู่เกษ ผกก.1 บก.ป.พ.ต.ต.ณัฐพล รัตนมงคลศักดิ์ สว.กก.1 บก.ป. พร้อมชุดสืบสวน กก.1 บก.ป. และเจ้าหน้าที่คอมมานโด กก.ปพ.บก.ป.เข้าจับกุม นายเซอร์เกย์ เมดเวเดฟ (Sergey Mednedev) หรือ Stells หรือ Segmg หรือ Seribear อายุ 31 ปี สัญชาติรัสเซีย ผู้ต้องหาตามหมายจับศาลอาญาที่ 93/2561 ลง 2 กุมภาพันธ์ 2561 ข้อหาผู้ร้ายข้ามแดน พร้อมตรวจยึดอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ รวม 29 รายการ สามารถจับกุมตัวผู้ต้องหาได้ที่บริเวณกลางซอยสุขุมวิท 56 แขวงบางจาก เขตพระโขนง กทม.
พล.ต.ท.ฐิติราชกล่าวว่า ก่อนหน้านี้ทางการสหรัฐอเมริกาได้ประสานงานมายัง พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา ผบ.ตร. เพื่อขอความร่วมมือในการสืบสวนจับกุมทลายองค์กร Infraud Organization องค์กรอาชญากรรมไซเบอร์ข้ามชาติระดับโลก มีพฤติการณ์เปิดตลาดมืดออนไลน์ (Dark Web) เพื่อซื้อขายสิ่งของผิดกฎหมายหลายประเภทด้วยเงินสกุลดิจิตอล หรือบิตคอยน์ เช่น อุปกรณ์ในการปลอมแปลงบัตรอิเล็กทรอนิกส์ อุปกรณ์สกิมเมอร์ ข้อมูลบัตรอิเล็กทรอนิกส์ทุกประเภทของสถาบันการเงินต่างๆ มัลแวร์คอมพิวเตอร์ พาสปอร์ตปลอม ใบขับขี่ปลอม พลาสติกโฮโลแกรม, โจรกรรมข้อมูลเอกลักษณ์บุคคล, โจรกรรมข้อมูลทางการธนาคาร ให้ความรู้เกี่ยวกับการปลอมแปลงต่างๆ และช่วยเหลือผู้กระทำความผิดในการฟอกเงิน
พล.ต.ท.ฐิติราชกล่าวต่อว่า องค์กรดังกล่าวสร้างความเสียหายต่อระบบเศรษฐกิจทั่วโลก สถาบันการเงิน และประชาชนเป็นมูลค่า 530 ล้านดอลลาร์สหรัฐ มีสมาชิกในองค์กร 10,901 รายทั่วโลก โดยหากไม่สามารถจับกุมทลายองค์กรอาชญากรรมดังกล่าวได้อาจส่งผลให้มูลค่าความเสียหายสูงถึง 2,200 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ต่อมา พล.ต.อ.จักรทิพย์ได้สั่งการให้ บช.ก.เข้าสืบสวนจับกุมองค์กรดังกล่าวโดยเข้าร่วมปฏิบัติการกับสำนักงานสืบสวนความมั่นคงแห่งมาตุภูมิ (HSI) กระทรวงความมั่นคงแห่งมาตุภูมิสหรัฐ (DHS) จนทราบว่า ผู้ก่อตั้งองค์กรและตลาดมืดออนไลน์ คือ นายเซอร์เกย์ เมดเวเดฟ สัญชาติรัสเซีย ซึ่งได้หลบหนีมากบดานอยู่กับภรรยาในประเทศไทย ต่อมาคณะลูกขุนศาลรัฐบาลกลางในลาสเวกัส รัฐเนวาด้า ประเทศสหรัฐอเมริกาได้ออกหมายจับนายเซอร์เกย์ พร้อมผู้ร่วมขบวนการอีก 35 ราย ในความผิดเกี่ยวกับการสมคบคิดมีส่วนร่วมในองค์กรอาชญากรรม มีไว้ในครอบครองซึ่งข้อมูลบัตรอิเล็กทรอนิกส์ปลอมและความผิดอื่นอีก 9 ข้อหา
พล.ต.ท.ฐิติราชกล่าวอีกว่า ต่อมาเมื่อประมาณเดือน ก.พ.ที่ผ่านมาทางการสหรัฐอเมริกาได้ร้องขอให้จับกุมตัวนายเซอร์เกย์ เมดเวเดฟ ตาม พ.ร.บ.ส่งผู้ร้ายข้ามแดนและพ.ร.บ.ความร่วมมือระหว่างประเทศในเรื่องทางอาญา โดยจะเตรียมเปิดปฏิบัติการ SHADOW WEB ซึ่งจะทำการเข้าตรวจค้นจับกุมเป้าหมาย 13 ราย พร้อมกัน 14 ประเทศ ในทวีปเอเชีย ทวีปอเมริกา ทวีปยุโรป ทวีปออสเตรเลีย และทวีปแอฟริกา กระทั่งได้สั่งการให้ชุดสืบสวน กก.1 บก.ป.ได้เข้าร่วมสืบสวนกับสำนักงานสืบสวนความมั่นคงแห่งมาตุภูมิ (HSI) กระทรวงความมั่นคงแห่งมาตุภูมิสหรัฐฯ (DHS) เพื่อจับกุมผู้ร่วมขบวนการและทลายองค์กรอาชญากรรม ซึ่งจากการสืบสวนทราบว่า นายเซอร์เกย์ ได้หลบหนีมาพักอาศัยอยู่ที่อาคารแอทซิตี้ คอนโด ถ.สุขุมวิท 101/1 แขวงบางจาก เขตพระโขนง กรุงเทพฯ จึงเข้าจับกุมได้ดังกล่าว
พล.ต.ท.ฐิติราชกล่าวต่อว่า นอกจากนี้เจ้าหน้าที่ได้เข้าตรวจค้นจับกุมผู้ร่วมขบวนการรายอื่นพร้อมกันใน 14 ประเทศทั่วโลก จากความร่วมมือเจ้าหน้าที่บังคับใช้กฎหมายระดับนานาชาติในการปราบปรามองค์กรอาชญากรรมข้ามชาติระดับโลกดังกล่าว ทำให้เมื่อวันที่ 6 กุมภาพันธ์ที่ผ่านมา สามารถเข้าตรวจยึด Server ของ Dark Web ดังกล่าวได้ที่เมืองปารีส ประเทศฝรั่งเศส จับกุมผู้ร่วมขบวนการรายสำคัญเป็นชาวเวเนซุเอลาได้ที่ประเทศออสเตรเลีย จับกุมผู้ร่วมขบวนการชาวรัสเซียได้ที่ประเทศโคโซโว นอกจากนี้ยังมีการจับกุมผู้ร่วมขบวนการรายอื่นในสหรัฐอเมริกา อิตาลี ไอเวอรีโคสต์ อังกฤษ ภายในวันเดียวกัน
พล.ต.ท.ฐิติราชกล่าวด้วยว่า การสืบสวนคดีนี้เจ้าหน้าที่ชุดสืบสวนได้ใช้เทคนิคการเฝ้าจุดสะกดรอย วิเคราะห์พฤติกรรมผู้ต้องหา และการสืบสวนทางอินเตอร์เน็ต รวมถึงสอบปากคำผู้เกี่ยวข้องอย่างเป็นระบบ จนนำไปสู่การจับกุมผู้ต้องหาซึ่งเป็นหัวหน้าองค์กรอาชญากรรมข้ามชาติรายสำคัญระดับโลก มีการแบ่งโครงสร้างและหน้าที่ในองค์กรกันอย่างชัดเจนในการกระทำผิด เพื่อให้ยากแก่การติดตามจับกุมจากเจ้าหน้าที่บังคับใช้กฎหมาย ทั้งนี้ ภายหลัง OPERATION SHADOW WEB ได้มีการแถลงจากกระทรวงยุติธรรมสหรัฐ(Department of Justice) ผ่านทางเว็บไซต์ถึงความสำเร็จของปฏิบัติการ และถือเป็นปฏิบัติการทลายองค์กรอาชญากรรมข้ามชาติระดับโลกครั้งใหญ่ที่สุดครั้งหนึ่งของกระทรวงยุติธรรมสหรัฐฯ