ตำรวจ ปปป. หอบสำนวน “อดีตพระครูกิตติพัชรคุณ” เจ้าคณะอำเภอชนแดน จ.เพชรบูรณ์ กับพวก 3 คน โกงเงินทอนวัด 28 ล้าน ส่งอัยการพร้อมความเห็นสมควรฟ้อง
เมื่อเวลา 14.00 น. วันนี้ (1 ก.พ.) ที่สำนักงานอัยการสูงสุด ถ.รัชดาภิเษก พ.ต.ท.เพชรชุมพร ศรีวะรมย์ พนักงานสอบสวนป้องกันปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับการทุจริตและประพฤติมิชอบ (บก.ปปป.) นำตัว นายฉัตรชัย ชูเชื้อ ผอ.กองพุทธศาสนสถาน สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ ผู้ต้องหาคดีทุจริตโกงเงินงบประมาณสำนักงานพระพุทธศาสนา หรือ เงินทอนวัด พร้อมหลักฐานเอกสาร 9 แฟ้มใหญ่ เดินทางมาส่งสำนวนให้พนักงานอัยการ พร้อมความเห็นสมควรสั่งฟ้อง นายนพรัตน์ เบญจวัฒนานันท์ อดีตผู้อำนวยการสำนักพระพุทธศาสนา, นายฉัตรชัย ชูเชื้อ ผอ.กองพุทธศาสนสถาน, นายสมเกียรติ ขันทอง หรือ อดีตพระครูกิตติพัชรคุณ อายุ 54 ปี เจ้าอาวาสวัดลาดแค และเจ้าคณะอำเภอชนแดน จ.เพชรบูรณ์ ซึ่งเป็นผู้ต้องหารวม 3 คน
นายวิเชียร ถนอมพิชัย อธิบดีอัยการสำนักงานคดีปราบปรามการทุจริต กล่าวว่า คดีนี้พนักงานสอบสวน ปปป. ได้ส่งสำนวนข้อหาคดีร่วมกันฟอกเงินมายังอัยการสำนักงานคดีปราบปรามการทุจริต โดยเหตุว่ามีผู้ร้องเรียนไปที่ ปปป. ว่า มีการทุจริตเกิดขึ้น ปปป. จึงได้ทำการสืบสวนสอบสวนและมีข้าราชการเข้าไปเกี่ยวข้อง จึงได้ทำการส่งสำนวนไปยัง ป.ป.ช. และได้แยกส่งสำนวนให้ สำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (ปปง.) ดำเนินการยึดอายัดในส่วนที่เกี่ยวกับการฟอกเงินในส่วนแพ่ง ซึ่งต่อมาเมื่อ ปปง. ได้รับสำนวนก็มีการมาแจ้งความร้องทุกข์กล่าวโทษในคดีฟอกเงินต่อ ปปป. และได้สอบสวนสรุปสำนวนพร้อมความเห็นสมควรสั่งฟ้องมาในวันนี้ ซึ่งจะมีการตั้งคณะทำงานที่มีอัยการระดับรองอธิบดีเป็นหัวหน้าคณะทำงานพร้อมพิจารณาให้แล้วเสร็จและมีคำสั่งก่อนที่จะครบกำหนดฝากขังในวันที่ 22 ก.พ. นี้
นายประยุทธ เพชรคุณ รองโฆษกสำนักงานอัยการสูงสุด กล่าวว่า คดีนี้ในส่วนของผู้ต้องหาที่ 1 คือ นายนพรัตน์ อดีตผู้อำนวยการสำนักพระพุทธศาสนา ได้หลบหนี ซึ่งพนักงานสอบสวนก็เสนอมาเห็นควรสั่งฟ้องในวันนี้และเห็นควรให้ออกหมายจับ ซึ่งคดีจะขาดอายุความในวันที่ 21 มกราคม 2579 ส่วน นายฉัตรชัย ผู้อำนวยการกองพุทธศาสนสถาน ผู้ต้องหาที่ 2 พนักงานสอบสวนนำตัวมาส่งที่อัยการในวันนี้ ส่วน นายสมเกียรติ อดีตพระครูกิตติพัชรคุณ ผู้ต้องหาที่ 3 ตัวอยู่ในอำนาจควบคุมตัวในชั้นฝากขังที่ศาลอาญาคดีทุจริตฯไปก่อนหน้านี้แล้ว ซึ่งจะครบกำหนดการฝากขังครั้งที่ 6 ในวันที่ 10 กุมภาพันธ์ 2561 ซึ่งอัยการก็จะมีเวลาพิจารณาสำนวนอีก 1 ฝาก จนถึงวันที่ 22 กุมภาพันธ์ ซึ่งข้อหาเฉพาะที่ส่งสำนวนในวันนี้ คือ ข้อหาฟอกเงิน ซึ่งมี ปปง. เป็นผู้กล่าวหา ซึ่งความเสียหายในคดีนี้ที่ปรากฏในสำนวนจากการกล่าวหาว่ามีการเบียดบังจัดสรรงบประมาณของวัดต่างๆ ในเขตจังหวัดเพรชบูรณ์, นครสวรรค์, ตาก และ ชุมพร ราวๆ 28 ล้านบาท และเงินทอนที่ผู้ถูกกล่าวหาเบียดบังไป 21 ล้านบาทเศษ คดีนี้เมื่อมีการตั้งคณะทำงานและเป็นคดีสำคัญก็จะต้องเสนอผู้บังคับบัญชาตามขั้นตอน ขอให้ประชาชนเชื่อใจในความรวดเร็วละเอียดรอบคอบของอัยการ
พ.ต.ท.เพชรชุมพร ศรีวะรมย์ พนักงานสอบสวน ปปป. กล่าวว่า เรื่องเงินทอนวัดที่ ปปง. ได้มาร้องทุกข์กล่าวโทษมีอีกหลายสำนวนที่อยู่ระหว่างรวบรวมพยานหลักฐาน ให้พนักงานอัยการพิจารณา ซึ่งสำนวนที่อยู่ระหว่างพิจารณาในชุดแรกเป็นสำนวนที่ ป.ป.ช. ได้ชี้มูลเข้ามาซึ่งยังมีผู้ต้องหาหลายสิบคนที่จะทยอยส่งให้อัยการ