xs
xsm
sm
md
lg

“บริษัท อควา” ส่งทนายยื่นฟ้องแพ่ง-หมิ่นประมาท “ชูวิทย์-ช่อง 3” เรียกค่าเสียหาย 333 ล้าน

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ทีมข่าวอาชญากรรม


บริษัท อควา คอร์เปอเรชั่น ส่งทนายยื่นฟ้องแพ่ง-หมิ่นประมาท “ชูวิทย์-ช่อง 3” กล่าวหาพัวพันค้ามนุษย์-อาบอบนวด ยันไม่เกี่ยวข้อง “กำพล” แค่หนึ่งในผู้ถือหุ้นไม่มีอำนาจบริหาร เรียกค่าเสียหาย 333 ล้าน ศาลนัดไต่สวนมูลฟ้อง 28 พ.ค.นี้



เมื่อเวลา 13.30 น. วันนี้ (31 ม.ค.) ที่ศาลอาญา ถ.รัชดาภิเษก บริษัท อควา คอร์เปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) โดยนายอารักษ์ ราษฎร์บริหาร โจทก์ ได้ส่งทนายความเดินทางมาเป็นยื่นฟ้องบริษัท บางกอกเอ็นเตอร์เทนเม้นต์ จำกัด, นายประวิทย์ มาลีนนท์, นายประชุม มาลีนนท์, น.ส.รัตนา มาลีนนท์, น.ส.นิภา มาลีนนท์, น.ส.อัมพร มาลีนนท์, นางรัชนี นิพัทธกุศล, นายชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์, น.ส.พิชญทัฬห์ จันทร์พุฒ และนายภาษิต อภิญญาวาท กับพวกรวม 10 คน เป็นจำเลย ฐานหมิ่นประมาทโดยการโฆษณา

คำฟ้องโจทก์บรรยายว่า เมื่อระหว่างวันที่ 17-23 ม.ค. 61 จำเลยทั้ง 10 ร่วมกันหมิ่นประมาทโจทก์โดย ร่วมกันออกในรายการข่าว “เรื่องเล่าเช้านี้” ในช่วงรายการชูวิทย์มีเรื่องเล่า ออกอากาศทางไทยทีวีสีช่อง 3 ซึ่งมีบริษัทจำเลยที่ 1 เป็นผู้ประกอบการ มีจำเลยที่ 2-7 เป็นผู้บริหาร โดยจำเลยที่ 8-10 เป็นพิธีกร ได้กล่าวถ้อยคำอันมีลักษณะเป็นการหมิ่นประมาทโจทก์ โดยใช้วิธีนำเสนอในลักษณะเป็นแผนภูมิให้เห็นภาพเกี่ยวกับการโอนหุ้นในตลาดหลักทรัพย์ โดยมีการพาดพิงนายกำพล วีระเทพสุภรณ์ ผู้ถือหุ้น และแสดงให้เห็นว่ามีการเชื่อมโยงกลุ่มธุรกิจผิดกฎหมายต่างๆ ว่ามีความเกี่ยวข้องกับโจทก์ อันเป็นการสร้างความเสียหายแก่โจทก์ การกระทำดังกล่าวเป็นการเจตนาใส่ความโจทก์ให้เสียหายแก่ชื่อเสียงเกียรติคุณทางทำมาหาได้ กล่าวคือ รายการดังกล่าวเป็นกิจการของจำเลยที่ 1-7 ออกอากาศโดยมีจำเลยที่ 8-10 เป็นพิธีกรดำเนินรายการ ออกอากาศใส่ความโจทก์ให้ผู้ชมทางรายการโทรทัศน์ สื่ออิเล็กทรอนิกส์ต่างๆเข้าใจผิดว่าโจทก์มีส่วนเกี่ยวข้องกับการค้ามนุษย์ การฟอกเงิน การปั่นหุ้น มีธุรกิจอาบอบนวดเข้ามาถือหุ้น มีส่วนพัวพันกับธุรกิจผิดกฎหมาย ผิดศีลธรรม ทั้งที่จริงโจทก์เป็นบริษัทที่มีการซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์ มีผู้ถือหุ้นหลายราย นายกำพลเป็นเพียงผู้ถือหุ้นรายหนึ่ง แม้จำนวนหุ้นที่นายกำพลถือนั้นจะมีจำนวนมากน้อยเท่าใดก็ไม่ทำให้นายกำพล กำหนดทิศทางบริหารบริษัทโจทก์ได้ เพราะไม่ได้เป็นกรรมการ การที่จำเลยที่ 8 กล่าวว่า “บริษัทค้ามนุษย์จำกัดมหาชน, เงินจากการค้ามนุษย์วิคตอเรียซีเครท” โดยทำเครื่องหมายลูกศรชี้ไปทางบริษัท A กับใช้แผนผังชื่อว่าบริษัทค้ามนุษย์จำกัดมหาชน เครือข่ายเสี่ยกำพล ขบวนการฟอกขาว โดยทำลูกศรเชื่อมโยงธุรกิจอาบอบนวดหลายแห่งไปที่โจทก์เพื่อให้เห็นว่า กลุ่มธุรกิจอาบอบนวดเข้ามาถือหุ้นในบริษัทโจทก์เพื่อการฟอกเงินและโจทก์เป็นกลุ่มทุนสนับสนุนนายกำพล และมีข้อความทำนองว่า เป็นเงินจากสปอนเซอร์หุ้นอันดับ 1 และแผนผังต่างๆประกอบกับข้อความในตัวย่อ ย่อมทำให้ประชาชนเชข้าใจผิดว่าโจทก์เป็นแหล่งฟอกเงิน มีธุรกิจอาบอบนวด ซึ่งประชาชนทั่วไปย่อมเข้าใจว่าเป็นธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับการค้าประเวณี จำเลยที่ 8-10 ยังได้ชี้นำสังคมว่านายกำพลเป็นผู้กระทำความผิดไปแล้ว และโจทก์มีส่วนพัวพันเกี่ยวข้อง ยินยอมให้นายกำพล และธุรกิจอาบอบนวดต่างๆ ที่มีนายกำพลเกี่ยวข้องเข้ามาถือหุ้นฟอกเงินและปั่นหุ้นเป็นทุนสนับสนุนการดำเนินกิจการผิดกฎหมาย ส่งผลกระทบต่อราคาหุ้นของบริษัทโจทก์ที่ตกลงอย่างมาก รวมทั้งความไว้วางใจ แม้ตัวอักษร A จะไม่ได้กล่าวถึงชื่อบริษัทโจทก์ก็ตาม แต่ก่อนหน้านี้พวกจำเลยได้นำเสนอข่าวใช้คำว่า อควา หรือ บริษัท อควา คอร์เปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) กับใช้อักษรตัว A สลับกันไปมาเป็นเรื่องปกติ ทำให้เข้าใจไปว่าตัวอักษร A เป็นบริษัทโจทก์อย่างไม่มีข้อสงสัย ขอให้ลงโทษจำเลยสถานหนัก และให้โฆษณาคำพิพากษาในหนังสือพิมพ์ 7 ฉบับ

ต่อมาศาลรับฟ้องไว้เป็นคดีหมายเลขดำที่ 326/2561 และนัดไต่สวนมูลฟ้องวันที่ 28 พ.ค.นี้ เวลา 09.00 น.

นายณัฐพล ทนายความรับมอบอำนาจจาก บมจ.อควา คอร์เปอเรชั่นฯ เปิดเผยว่า วันนี้บริษัทฯ มายื่นฟ้องกรณีสืบเนื่องจากการกล่าวข้อความและแสดงแผนผังในรายการผ่านสถานีโทรทัศน์แห่งหนึ่งทำนองว่าบริษัทเกี่ยวข้องกับการค้ามนุษย์ มีอาบอบนวดหลายแห่งมาถือหุ้นในบริษัท ใช้เป็นเครื่องมือในการฟอกเงินและการปั่นหุ้น ทางบริษัทเห็นว่าเรื่องนี้ไม่เป็นความจริง เป็นการใส่ความหมิ่นประมาททำให้บริษัท คณะกรรมการบริษัท ผู้ถือหุ้น และพนักงานได้รับความเสียหาย โดยเฉพาะอย่างยิ่งเราเป็นบริษัทในตลาดหลักทรัพย์ มีทุนจดทะเบียนจำนวนมาก ประกอบกิจการชอบด้วยกฎหมายมาตลอด การมาใส่ความหมิ่นประมาททำให้เกิดความเสียหายร้ายแรง เห็นว่าเป็นการหมิ่นประมาทโดยการโฆษณา จึงมายื่นฟ้องตามมติของคณะกรรมการบริษัท ยืนยันว่าบริษัทไม่ได้ถือหุ้นในสถานอาบอบนวด และในวันนี้ได้ยื่นฟ้องทั้งแพ่งและอาญา ส่วนรายละเอียดในช่วงเย็นวันนี้ทางบริษัทจะมีการแถลงข่าวต่อไป

ผู้สื่อข่าวถามว่า บริษัทฯ ยืนยันว่าทั้งเจ้าของและผู้ถือหุ้นใหญ่ไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องกับสถานบริการอาบอบนวดใช่หรือไม่ นายณัฐพลกล่าวว่า ยืนยันว่าไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องใดๆ ทั้งสิ้น ส่วนคนที่ถูกกล่าวหาว่ามีส่วนเกี่ยวข้องกับการค้ามนุษย์ที่ทางสื่อทราบดีอยู่แล้วนั้น จริงอยู่ที่มีชื่อเป็นผู้ถือหุ้นในบริษัท แต่บุคคลดังกล่าวไม่มีอำนาจในการบริหารจัดการบริษัทใดๆ ทั้งสิ้น และเท่าที่ทราบบุคคลดังกล่าวมีหุ้นในหลายบริษัท ไม่เข้าใจว่าทำไมถึงมีการมาเจาะจงที่บริษัท อควาฯ เราเห็นว่าเป็นการชี้นำสังคม ทำให้บริษัทและผู้เกี่ยวข้องได้รับความเสียหาย โดยฟ้องเรียกค่าเสียหาย 333 ล้านบาท ซึ่งเสียหายต่อบริษัทที่สะสมชื่อเสียงมายาวนาน และคณะกรรมการซึ่งมีหน้าตาในสังคม ไม่เป็นธรรมอย่างยิ่งที่ถูกกล่าวหามีส่วนเกี่ยวข้องกับการค้ามนุษย์และค้าประเวณี เป็นเรื่องร้ายแรงผิดศีลธรรม

เมื่อถามว่าหลังปรากฏเป็นข่าวทำให้มูลค่าหุ้นของบริษัทได้รับความเสียหายด้วยหรือไม่ นายณัฐพลกล่าวว่า เรากำลังมีการตรวจสอบรวบรวมเรื่องตัวเลขซึ่งจะให้ผู้เชี่ยวชาญเข้ามาประเมิน แต่อย่างไรก็ตาม การหมิ่นประมาทในครั้งนี้ทำให้กระทบถึงมูลค่าหุ้นของบริษัทอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้

เมื่อถามว่าบริษัทฯ ดำเนินธุรกิจอะไรในตลาดหลักทรัพย์ นายณัฐพลกล่าวว่า เป็นธุรกิจเกี่ยวกับสื่อ การให้เช่าป้าย มีข้อมูลปรากฏอยู่แล้วในเว็บไซต์ของตลาดหลักทรัพย์

ผู้สื่อข่าวถามว่า การที่มีบุคคลเข้าไปเกี่ยวข้องกับสถานบริการอาบอบนวด เป็นเรื่องส่วนตัว ไม่เกี่ยวข้องกับบริษัทใช่หรือไม่ นายณัฐพลกล่าวว่า ในฐานะทนายความไม่สามารถยืนยันได้ว่าใครเข้าไปเกี่ยวข้องกับสถานบริการอาบอบนวดอย่างไร เพราะยังไม่มีคำพิพากษาของศาลตัดสิน ตนจะต้องให้ความเป็นธรรมแก่ทุกฝ่าย โดยเฉพาะบริษัท อควา ลูกความยืนยันว่าไม่มีส่วนเกี่ยวข้อง

ขณะที่นายณัฐพลเปิดเผยว่า เมื่อตนได้ยื่นฟ้องคดีอาญาแล้ววันเดียวกันนี้ยังได้รับมอบอำนาจเป็นโจทก์ยื่นจำเลยชุดเดียวกันนี้ รวม 15 คน ต่อศาลแพ่ง รัชดาภิเษก จากการทำละเมิดหมิ่นประมาท เรื่องเดียวกันนี้ เรียกค่าเสียหายจำนวน 333 ล้านบาท พร้อมดอกเบี่้ยร้อยละ 7.5 ต่อปี ซึ่งศาลได้รับคำฟ้องไว้เป็นคดีหมายเลขดำที่ 533/2561 และนัดชี้สองสถานเพื่อกำหนดประเด็นการสืบพยานในวันที่ 22 เม.ย.นี้ เวลา 09.00 น.



กำลังโหลดความคิดเห็น