ดีเอสไอ ร่วม ตร. สรุปคดีค้ามนุษย์จับกุมผู้ต้องหา คดี วิคตอเรีย ซีเครท เพิ่ม หลังออกหมายจับไปทั้งหมด 13 ส่วนเชื่อมโยง อดีต ผบ.ตร. หรือไม่ กำลังตรวจสอบ
วันนี้ (31 ม.ค.) เวลา 13.00 น. กรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) พ.ต.อ.ไพสิฐ วงศ์เมือง อธิบดีดีเอสไอ ร่วมประชุมการดำเนินคดีค้ามนุษย์สถานอาบอบนวด วิคตอเรีย ซีเครท ร่วมกับ พนักงานสอบสวน สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (สตช.) พนักงานอัยการ กรมการปกครอง กระทรวงพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ สำนักงานป้องกันและปราบกรามการฟองเงิน (ปปง.) สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตในภาครัฐ (ป.ป.ท.) ในการกำหนดแนวทางการทำงานและติดตามความคืบหน้าทางคดี นานกว่า 2 ชั่วโมง
พ.ต.อ.ไพสิฐ กล่าวภายหลังการประชุม ว่า ขณะนี้ ดีเอสไอ ได้ออกหมายจับไปทั้งหมด 7 หมาย สามารถจับกุมได้แล้ว 2 หมาย คือ นายบุญทรัพย์ อมรรัตนสิริ หรือ ป๋ากบ และล่าสุด นายเฉลียว จันทร์พิมพ์ ได้แล้วในวันนี้ โดย นายเฉลียว เป็นผู้ที่มีความเกี่ยวข้องกับคดีอาบอบนวด วิคตอเรีย ซีเครท และการค้ามนุษย์ ในส่วน สตช. ก็ออกหมายจับไปทั้งหมด 13 หมาย แต่มีหมายจับเป็นบุคคลเดียวกับหมายของดีเอสไอ 6 หมาย แต่จะมีการออกหมายจับเพิ่มเติมหรือไม่นั้นต้องตรวจสอบข้อมูล พยานหลักฐานว่าจะเชื่อมโยงไปถึงหรือไม่ ทั้งในเรื่องของกลุ่มที่เรียกรับผลประโยชน์ ต้องรอผลทางนิติวิทยาศาสตร์ การตรวจสอบกล้องวงจรปิด และการติดต่อสื่อสาร
พ.ต.อ.ไพสิฐ กล่าวอีกว่า สำหรับกรณี ดีเอสไอ จะออกหมายจับอดีตผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาตินั้น ตอนนี้ยังไม่สามารถระบุได้ แต่หากมีหลักฐานเชื่อมโยงก็จะต้องตรวจสอบ ซึ่งทาง ดีเอสไอ จะเชิญเลขาสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) มาเป็นที่ปรึกษาดูในเรื่องของการเงินและทรัพย์สินที่ยึดมาได้นั้นว่ามีที่มาอย่างไรและสามารถขยายเส้นทางการเงินว่าเกี่ยวข้องอย่างไรกับบ้าง
“ส่วนการสอบปากคำ นายชูวิทย์ กมลวิศิษฏ์ อดีตเจ้าของสถานบริการอาบอบนวดวิคตอเรีย ซีเครท นั้น ยังไม่มีประเด็นในการสอบเพิ่มเติม แต่ในส่วนของหลักฐานที่นำมาเปิดเผยเกี่ยวกับ นายกำพล และ นางนิภา ก็นำมาประกอบสำนวน รวมถึงหลักฐานอื่นๆ ที่ตรวจสอบได้ ส่วนที่มีกระแสข่าวว่า นายกำพล หนีออกนอกประเทศนั้น ยืนยันว่า ยังไม่ได้รับรายงานว่ามีการหลบหนีไปยังช่องทางด่านต่างๆ แต่หากออกทางเส้นทางธรรมชาติหรือไม่นั้นอยู่ระหว่างตรวจสอบ”