MGR Online - ชาวโคราชร้องกองปราบปราม จับแก๊งพระนอกรีตยึดวัดร้างหลอกชาวบ้านทอดกฐินสร้างอาคารปฏิบัติธรรม กลับนำเงินไปซื้อรถให้พ่อแม่ เมื่อเจ้าคณะอำเภอทราบเรื่องไล่ออกจากวัด กลับฉกทรัพย์สินของวัดทั้งเงินบริจาค ประตู หน้าต่าง หม้อหุงข้าว รถยนต์และพระประธาน หนีไป
วันนี้ (24 ม.ค.) ที่กองปราบปราม เมื่อเวลา 11.30 น. นายศิริพงษ์ เลิศขวัญวรชัย อายุ 50 ปี ผู้รับเหมาก่อสร้างใน จ.นครราชสีมา พร้อมชาวบ้านใน ต.บ้านยาง อ.ลำทะเมนชัย จ.นครราชสีมา 10 คนเดินทางเข้าพบ ร.ต.อ.สุนทร ทองมณี รอง สว.(สอบสวน) กก.3 บก.ป.เพื่อแจ้งความดำเนินคดีต่อนายอานนท์ มาตรโคกสูง หรืออดีตพระอานนท์ อายุ 31 ปี กับพวกรวม 5 ราย ในข้อหาลักทรัพย์ของสำนักสงฆ์วัดบ้านอรุณพัฒนา เลขที่ 96 หมู่ 11 บ้านอรุณพัฒนา ต.บ้านยาง อ.ลำทะเมนชัย จ.นครราชสีมา
นายศิริพงษ์กล่าวว่า เมื่อ 5 ปีที่แล้ว นายอานนท์และพวกได้เข้ามาจำวัดที่วัดอรุณพัฒนา ตอนนั้นเป็นวัดร้าง ต่อมานายอานนท์ได้เชิญชวนให้ชาวบ้านทำบุญทอดผ้าป่าเพื่อสร้างอาคารปฏิบัติธรรม และพัฒนาวัด ตนจึงร่วมกับชาวบ้านทอดกฐินหลายครั้งรวมเงินนับล้านบาท เนื่องจากเห็นว่านายอานนท์เป็นพระหนุ่มนักพัฒนา แต่เวลาผ่านไป 5 ปี ปรากฏว่าเขากลับนำเงินไปเข้าบัญชีส่วนตัว และไม่มีการสร้างอาคารตามที่กล่าวอ้างแต่อย่างใด ต่อมาพวกตนมาทราบภายหลังว่า นายอานนท์ได้นำเงินบริจาคไปซื้อรถยนต์ให้บิดามารดาและตัวเองถึง 4 คัน และเมื่อตรวจสอบใบอนุโมทนาบัตรก็พบว่าพระอานนท์ไม่ใช่เจ้าอาวาส ไม่มีอำนาจลงนามใบดังกล่าว โดยเจ้าคณะอำเภอระบุว่าวัดดังกล่าวไม่มีเจ้าอาวาสปกครอง เสมือนวัดร้าง จึงได้มีการแต่งตั้งพระรูปหนึ่งไปรักษาการเจ้าอาวาส แต่พระกลุ่มดังกล่าวกลับมีเรื่องทะเลาะวิวาทกับเจ้าอาวาสจนเจ้าคณะอำเภอได้มีคำสั่งขับไล่นายอานนท์กับพวกออกจากวัดภายใน 7 วัน
นายศิริพงษ์กล่าวอีกว่า ระหว่างที่ถูกไล่ออกจากวัดนั้นนายอานนท์ได้พาพวกมาเอาเครื่องปรับอากาศ หม้อหุงข้าว สายไฟ ท่อประปา ประตูและหน้าต่างของกุฏิ พระประธาน พระผงกว่า 4 พันองค์ เงินสดกว่า 3 แสนบาท รวมถึงรถยนต์ที่ญาติโยมซื้อถวายเพื่อกิจของสงฆ์ไปด้วย โดยอ้างว่าทั้งหมดเป็นของที่หาซืิ้อมาด้วยเงินส่วนตัว ทำให้ญาติโยมไม่พอใจและตัดสินใจมาแจ้งความดำเนินคดี นอกจากนี้ ได้สอบถามชาวบ้านยังพบว่ากลุ่มพระอานนท์ได้มีพฤติกรรมไม่เหมาะสมต่อการเป็นสงฆ์ เช่น ซื้อหมูกระทะ อาหารทะเลมาปิ้งย่างในตอนเย็น ไม่ทำวัตร ไม่บิณฑบาต และเปิดเพลงเสียงดังเหมือนกับมีงานวัด และเมื่อเกิดเรื่องก็สึกแล้วไปบวชใหม่ในต่างอำเภอ ทำให้กลุ่มชาวบ้านสันนิษฐานว่าพระกลุ่มดังกล่าวนั้นไม่ได้มีเจตนามาบวชเพื่อศึกษาพระธรรม แต่มีเจตนามาบวชเพื่อหลอกลวงเงินบริจาคจากประชาชน
เบื้องต้นพนักงานสอบสวนกองปราบปรามรับเรื่องไว้ และจะตรวจสอบข้อเท็จจริงก่อนเสนอผู้บังคับบัญชาพิจารณาสั่งการต่อไป
