รายการ “ข่าวลึก ปมลับ” ออกอากาศทาง NEWS1 ล้วงปมลึก คลายปมลับ ตีแผ่ประเด็นร้อน กับ นพรัฐ พรวนสุข บก.ข่าวการเมืองและกระบวนการยุติธรรม ผู้จัดการ 360 วันจันทร์ที่ 18 ธันวาคม 2560 ตอน 3 ประสานปูทางอุ้ม “บิ๊กตู่” คนละมุ้ง-ฝันเรื่องเดียวกัน
วันนี้เรามาแกะรอย การออกมาเคลื่อนไหวของ "สุเทพ เทือกสุบรรณ -ไพบูลย์ นิติตะวัน และสมศักดิ์ เทพสุทิน" ช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา ที่สามารถดึงความสนใจจาก "รัฐบาลขาลง" ไปได้เยอะ คือช่วยผ่อนอารมณ์ชาวบ้าน ในนาทีที่ประชาชนคนหาเช้ากินค่ำ กำลังกลัดกลุ้มเพราะประสบปัญหาปากท้องอย่างหนัก มองไม่เห็นอนาคตจะหนีภาวะชักหน้าไม่ถึงหลังได้เมื่อไหร่
วันนี้คนไทยส่วนไม่น้อยนั่งนับวันว่าเมื่อไหร่จะเลือกตั้งเสียที ขณะเดียวกันก็มีอารมณ์ไม่แน่ใจว่า การเลือกตั้งในปลายปี 61 จะมาจริงตามโรดแมปตามสัญญาหรือไม่ เพราะมีสัญญาณส่ออาการว่าการเลือกตั้งจะต้องเลื่อนออกไป
พอคนการเมืองทั้งสามออกมาปั่นกระแสข่าว ก็ทำให้ทิศทางข่าวเปลี่ยนไป ความสนใจก็มาอยู่หมากเกมทางการเมืองจะเล่นกันต่อไปอย่างไร
ว่าถึง ความเคลื่อนไหวของ สุเทพ สมศักดิ์ ไพบูลย์ ที่ออกมาในจังหวะเดียวกัน แม้ต่างคน จะนอนอยู่คนละมุ้ง แต่ฝันเรื่องเดียวกัน ร่วมชงข้อเสนอ ที่คนมองอยู่สองทาง คือออกมาเพื่อหวังจะปูทางต่อท่ออำนาจให้คสช. หลังการเลือกตั้งครั้งหน้า และ/หรือเปิดประเด็นเอาใจคสช.ให้ยื้อเวลาเลือกตั้งออกไปอีก
ดูได้จาก แนวคิด ล้างทิ้ง หรือ รีเซ็ตรายชื่อสมาชิกพรรคการเมืองกันใหม่ ในพ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยพรรคการเมืองที่ผ่านการลงมติของสนช. ประกาศใช้เป็นทางการไปแล้ว และ ข้อเสนอให้มี ส.ส.แบบไร้สังกัด รวมถึงลดเขตเลือกตั้งให้เหลือสี่ร้อยเขต ข้อเสนอเหล่านี้ คนได้คือ คสช.
เนื่องจาก หาก คสช. สนช. หรือผู้เกี่ยวข้องรับลูกให้มีการแก้กฎหมายจริงๆขึ้นมา ล้วนจะทำให้เกิดการแก้กฎหมายอีกหลายขยัก เพราะ ข้อ 1 คือต้องให้คสช.ใช้มาตรา 44 , ข้อ2 ให้สนช.เข้าชื่อ 25 คนเพื่อแก้กฎหมายลูก, และ 3 เกิดการทำประชามติแก้รัฐธรรมนูญฉบับแม่ จากข้อเสนอให้ปรับเปลี่ยนจำนวนเขตเลือกตั้ง ส.ส.ไร้สังกัด
เงื่อนไขของทั้งสามคน ถ้าเป็นไปตามนั้นจะเกิดอุบัติเหตุทางกฎหมาย ถ่วงเวลาเลือกตั้งออกไป ถ้ากฎหมายลูกที่เกี่ยวกับการเลือกตั้งไม่เสร็จก็เลือกตั้งไม่ได้ อย่างน้อยๆ เตะถ่วงให้เครือข่าย คสช.ได้ปรับทัพสู้ศึกเลือกตั้งครั้งหน้าได้อีกหน่อย เพราะดูเหมือนว่ายังไม่พร้อมสู้ด้วยประการทั้งปวง
บทที่คนการเมือง 3 คนออกมาเล่น ยังเป็นเพียงแค่ชิมลาง หนทางยังอีกยาวไกลกว่าจะถึงวันกาบัตร เดี๋ยวมีอะไรตามมาอีกแน่ๆ และราคาค่างวดทางการเมือง ของทั้งสามคนที่ออกมาเคลื่อนไหวนั้นมีน้ำหนักแตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง
โดยเฉพาะในรายของ "ไพบูลย์ นิติตะวัน" ยังอ่อนเชิงไม่มีประสบการณ์ ยังไม่เคยผ่านการเลือกตั้งสักครั้ง "ไพบูลย์" เพียงต้องการแสดงตนให้กลุ่มต่างๆรู้ว่า เขาอยู่เคียงข้าง "บิ๊กตู่" ชูให้เป็นนายกรัฐมนตรี โดยตีปี๊บหวังจะดึงเครือข่ายมวลชนและเสบียงเก็บเอาไว้สู้ศึก
ส่วนอีกราย "สมศักดิ์ เทพสุทิน" ที่เลือกออกมาโยนข้อเสนอให้แก้รัฐธรรมนูญปรับจำนวนเขตเลือกตั้ง รวมถึงให้มีส.ส.ไร้สังกัด เป็นเรื่องที่มาสายไป แต่ อดีตแกนนำกลุ่มวังน้ำยม คงไม่ใส่ใจเสียงคนนินทาเจ้าตัวรู้ว่าการเปิดตัวครั้งนี้เป้าหมายบรรลุผลแล้ว ถูกวิจารณ์จนเรตติ้งพุ่งกระฉูด
แตกต่างจาก ในรายของ"สุเทพ เทือกสุบรรณ" เป็นมือประสานจอมเขี้ยวลากดินลิ้นสาลิกา ตามท้องเรื่องในอดีตที่ทำให้พรรคประชาธิปัตย์จูบปากกับพรรคภูมิใจไทยของ "เนวิน ชิดชอบ" ตั้งรัฐบาลในตำนานมาแล้ว
แม้ครั้งนี้ "สุเทพ" จะต้องหักกับประชาธิปัตย์แยกตัวออก มาเป็นศิลปินเดี่ยวเอง แยกกันเดินกับประชาธิปัตย์ แต่ใช่ว่า "สุเทพ-ปชป." เมื่อถึงเวลาสำคัญจะไม่ร่วมกันตี จะไม่จับมือโหวตเลือกนายกรัฐมนตรีคนเดียวกัน
เป็นที่เชื่อได้ว่า ถึงวันเลือกตั้ง ประชาธิปัตย์ไม่ชูคนอื่นเป็นนายกฯนอกจากคนของพรรคตัวเองแน่ๆ เพื่อความไม่น่าเกลียด แต่หากในอนาคตสถานการณ์มีอันจำต้องไปเลือกนายกฯคนอื่น หรือ "นายกฯคนนอก" มันก็จะเข้าตำราการเมืองเรื่องผลประโยชน์
สุดท้าย "สุเทพ" ก็อาจเป็นหมากที่เดินเกมฝ่าด่านนายกฯคนนอกให้ ขณะเดียวกันพรรคทหารก็คงจะขาด "สุเทพ"ไม่ได้เช่นเดียวกัน เพื่อเป็นนั่งร้านต่ออำนาจ ได้สุเทพคนหนึ่ง สมศักดิ์ เทพสุทินมาเสริมอีกคน โอกาสที่ "บิ๊กตู่" และพรรคทหารจะแฮปปี้เอนดิ้งก็เป็นไปได้มาก