MGR Online - กองปราบฯ รวบผัวเมียแสบ หลอกลวงประมูลทองผ่านเฟซบุ๊ก มีคนตกเป็นเหยื่อราว 200 ราย เสียหายรวมกว่า 100 ล้าน ตรวจสอบเส้นทางการเงินพบบัญชีมีเงินหมุนเวียนหลายร้อยล้าน เชื่อมีผู้ร่วมขบวนการอีก เร่งขยายผลติดตามตัวมาดำเนินคดี
วันนี้ (13 ธ.ค.) เมื่อเวลา 20.30 น. ที่กองปราบปราม พล.ต.อ.วิระชัย ทรงเมตตา รักษาการ รอง ผบ.ตร. ในฐานะโฆษก ตร. พร้อมด้วย พ.ต.อ.ไมตรี ฉิมเฉิด รักษาการ ผบก.ป. พ.ต.อ.นิรันดร์ ปิตะกาศ ผกก.3 บก.ป. พ.ต.ท.สุริยศักดิ์ จิราวัสน์ สว.กก.3 บก.ป. ร่วมแถลงผลจับกุม นายพฤฒิพงศ์ ณ นคร อายุ 37 ปี อยู่บ้านเลขที่ 34/3 ม.4 ต.ดอนตะโก อ.เมืองราชบุรี จ.ราชบุรี ตามหมายจับศาลจังหวัดศรีสะเกษ ที่ 370/2560 ลงวันที่ 7 ธ.ค. 60 ข้อหาร่วมกันฉ้อโกงประชาชน และ น.ส.วรรณรัตน์ โพธิ์พันธ์ทูล อายุ 29 ปี อยู่บ้านเลขที่ 1282/6 ถ.เพชรเกษม ต.สนามจันทร์ อ.เมือง จ.นครปฐม ตามหมายจับศาลอาญา ที่ 796/2560 ลงวันที่ 13 ธ.ค. 60 ข้อหา ฉ้อโกงประชาชน หลังจับกุมได้ที่ บริเวณหน้าบ้านเลขที่ 121 ม.7 ต.บางขะ อ.บ้านนา จ.นครนายก
พล.ต.อ.วิระชัย กล่าวว่า เมื่อเดือนตุลาคม ที่ผ่านมา ได้รับการร้องเรียนจากผู้เสียหายกลุ่มหนึ่ง ว่า ถูกผู้ต้องหาซึ่งเป็นสามีภรรยากันเปิดเพจเฟซบุ๊กประมูลทองคำ ก่อนโพสต์ข้อความและรูปภาพเชิญชวนให้ผู้เสียหายนำเงินมาร่วมลงทุนประมูลทองคำผ่านทางเพจเฟซบุ๊กดังกล่าว โดยมีเงื่อนไขว่าผู้ที่ชนะการประมูลจะต้องโอนเงินเข้าบัญชีธนาคารของผู้ต้องหาทั้งสองรายนี้ก่อน แต่เมื่อเหยื่อโอนให้แล้วกลับไม่ได้รับทองคำตามที่กล่าวอ้างแต่อย่างใด
พล.ต.อ.วิระชัย กล่าวต่อว่า นอกจากนี้ ผู้ต้องหาทั้งสองรายยังได้หลอกลวงให้ผู้เสียหายอีกกลุ่มหนึ่งให้สมัครเป็นสมาชิกของกลุ่มประมูลทอง โดยอ้างว่า มีทองคำน้ำหนักมาตรฐานจะมาขายต่อให้ในราคาถูกกว่าท้องตลาด โดยผู้ที่สนใจจะต้องเสียค่าสมัครเป็นสมาชิกรายละ 500 บาท ซึ่งในช่วงแรกที่มีการสั่งซื้อและส่งมอบทองคำให้กับผู้เสียหายจริงเพื่อหลอกให้ตายใจ กระทั่งผู้เสียหายหลงเชื่อสั่งซื้อทองคำเพิ่มอีกเป็นจำนวนมาก เมื่อได้รับเงินจากผู้เสียหายมาแล้วก็จะทำทีบ่ายเบี่ยงที่จะส่งทองคำให้ โดยอ้างว่า ติดปัญหามีสมาชิกบางรายถอนเงินลงทุน ก่อนจะขาดการติดต่อไปในที่สุด ที่ผ่านมา มีผู้หลงเชื่อตกเป็นเหยื่อกว่า 200 ราย รวมมูลค่าความเสียหายกว่า 100 ล้านบาท
พล.ต.อ.วิระชัย กล่าวอีกว่า จากการสอบสวนผู้ต้องหาทั้งสองรายให้การรับสารภาพ ซึ่งหลังจากนี้ จะทำการตรวจสอบเส้นทางการเงินและบัญชีของผู้ต้องหาทั้งสองราย โดยเบื้องต้นจากการตรวจสอบพบว่ามีบัญชีธนาคารทั้งหมด 3 บัญชี มีเงินหมุนเวียนในระบบหลายร้อยล้านบาท และเชื่อว่าน่าจะมีผู้ร่วมขบวนการอีกซึ่งเจ้าหน้าที่จะทำการขยายผลติดตามตัวมาดำเนินคดีโดยเร็ว ส่วนผู้ต้องหาทั้งสองรายนี้จะถูกคุมขังไว้ที่ บก.ป. ก่อนเพื่อรอตรวจสอบประวัติคดีอาชญากรรมอื่นๆ อย่างไรก็ตาม สำหรับคนที่ตกเป็นเหยื่อให้มาแจ้งความได้ที่ กองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับอาชญากรรมทางเทคโนโลยี (บก.ปอท.) เพื่อเป็นประโยชน์ต่อตนเองในการเรียกร้องค่าเสียหายกลับคืนมา