“เรืองไกร - ธาริต” ให้การปฏิเสธ คดี “วัชระ เพชรทอง” ฟ้องฐานแจ้งความเท็จ - หมิ่นประมาท กรณีจำเลยทั้งสองให้ข้อมูลเท็จต่อ กกต. กล่าวหาว่าโจทก์เรียกอดีตอธิบดีดีเอสไอไปให้การเรื่องชายชุดดำที่สภา โดยไม่มีอำนาจ ศาลนัดสืบพยานครั้งแรก 31 ม.ค. ปีหน้า
วันนี้ (12 ก.ย.) ที่ศาลแขวงดอนเมือง ศาลนัดสอบคำให้การและตรวจหลักฐานในคดีหมายเลขดำที่ อ.812/2559 ที่ นายวัชระ เพชรทอง อดีต ส.ส. พรรคประชาธิปัตย์ เป็นโจทก์ฟ้อง นายเรืองไกร ลีกิจวัฒนะ จำเลยที่ 1 และ นายธาริต เพ็งดิษฐ์ อดีตอธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) จำเลยที่ 2 ในข้อหาแจ้งความเท็จ ให้พนักงานจดแจ้งข้อความอันเป็นเท็จ และหมิ่นประมาท
โดยวันนี้ นายวัชระ เพชรทอง โจทก์ นายเรืองไกร จำเลยที่ 1 และ นายธาริต จำเลยที่ 2 มาศาลพร้อมทนายความเมื่อถึงเวลานัด ศาลได้อ่านคำฟ้องแล้วสอบถามจำเลยทั้งสองว่าจะให้การปฏิเสธ หรือรับสารภาพ ซึ่งจำเลยทั้งสองยืนยันให้การปฏิเสธขอต่อสู้คดี
จากนั้นโจทก์แถลงต่อศาล ขอนำพยานเข้าสืบจำนวน 9 ปาก ใช้เวลา 2 นัดครึ่ง ซึ่งบุคคลที่โจทก์อ้างเป็นพยาน เช่น นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ อดีตนายกรัฐมนตรี และ นายพฤติพร เนติโพธิ์ อัยการที่ทำหน้าที่แทน กกต. ส่วนจำเลยแถลงขอสืบพยาน 2 ปาก ใช้เวลา 1 นัดครึ่ง ซึ่งจำเลยทั้งสองอ้างตนเองเป็นพยาน
ศาลพิจารณาแล้วอนุญาต และนัดสืบพยานโจทก์ครั้งแรกในวันที่ 31 ม.ค. 2560 เวลา 09.00 น.
สำหรับมูลเหตุของคดีนี้นั้น นายวัชระ กล่าวว่า สืบเนื่องจาก นายเรืองไกร อดีตสมาชิกวุฒิสภา และเป็นทีมกฎหมายพรรคเพื่อไทย ได้ร้องเรียนคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ว่า นายวัชระ เพชรทอง ในฐานะรองประธานคณะกรรมาธิการการพัฒนาการเมือง การสื่อสารมวลชน และการมีส่วนร่วมของประชาชน คนที่ 1 ในขณะนั้น ร่วมกับ นายศุภชัย ศรีหล้า ประธานคณะกรรมาธิการการพัฒนาการเมือง การสื่อสารมวลชนและการมีส่วนร่วมของประชาชน สภาผู้แทนราษฎร จงใจใช้สถานะ หรือตำแหน่ง ส.ส. เข้าไปก้าวก่าย หรือแทรกแซงการทำงานของนายธาริต โดยเรียกนายธาริตมาให้การเรื่องชายชุดดำในเหตุการณ์ความไม่สงบเดือน เม.ย.- พ.ค. 2553 ที่สภาผู้แทนราษฎร โดยไม่มีอำนาจและเป็นการเอื้อประโยชน์ให้พรรคประชาธิปัตย์ และไม่ได้มีมติของคณะกรรมาธิการ เป็นการขัดต่อรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พ.ศ. 2550 มาตรา 266 (1) โดย นายเรืองไกร และ นายธาริต ขณะเป็นอธิบดีดีเอสไอ ได้ไปให้การยืนยันข้อความอันเท็จต่อเจ้าพนักงาน กกต. ซึ่งศาลได้มีคำสั่งให้ประทับรับฟ้องคดีไว้พิจารณา
