xs
xsm
sm
md
lg

ข่าวลึกปมลับ : ปมลึก! คดียิ่งลักษณ์-บุญทรง เสียง 5 ใน 9 ชี้ชะตาสองคดี

เผยแพร่:   โดย: ทีมข่าวอาชญากรรม


รายการ “ข่าวลึก ปมลับ” ออกอากาศทาง NEWS1 ล้วงปมลึก คลายปมลับ ตีแผ่ประเด็นร้อน กับ นพรัฐ พรวนสุข บก.ข่าวการเมืองและกระบวนการยุติธรรม ผู้จัดการ 360 วันพฤหัสบดีที่ 23 สิงหาคม 2560 ตอน ปมลึก! คดียิ่งลักษณ์-บุญทรง เสียง 5 ใน 9 ชี้ชะตาสองคดี



 มาพูดกันต่อในประเด็นที่สงสัยกันว่า เพราะเหตุใด คดีจีทูจี กับคดียิ่งลักษณ์ จึงมีการนัดฟังคำพิพากษาในวันเดียวกัน ในวันศุกร์ที่25สิงหาคมนี้

สาเหตุที่ศาลนัดฟังคำตัดสินทั้งสองคดีในวันศุกร์นี้พร้อมกัน วิเคราะห์ได้ว่า เนื่องจากทั้งสองสำนวนคือคดีจีทูจีและคดียิ่งลักษณ์ ที่ป.ป.ช.ชี้มูลความผิดตามกฏหมายอาญามาตรา157 และพระราชบัญญัติป้องกันและปราบปรามการทุจริต และอัยการยื่นฟ้อง  มีความเชื่อมโยงกันอย่างมีนัยสำคัญ

เริ่มจากที่ เมื่อมีเสียงเตือนให้ทบทวนและยุติโครงการจำนำข้าว ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ไม่มีการทบทวน หรือคิดจะยุติโครงการ รับจำนำข้าว ตามที่อนุกรรมการปิดบัญชีโครงการรับจำนำข้าวที่มีสุภา ปิยะจิตติ อดีตรองปลัดกระทรวงการคลัง ในขณะนั้นเป็นประธาน ทักท้วงมา

รวมถึงนักวิชาการจากทีดีอาร์ไอ และสำนักงานตรวจเงินแผ่นดิน รวมถึงป.ป.ช.เพื่อให้ รัฐบาลทบทวนโครงการ แต่ยิ่งลักษณ์ไม่ได้ดำเนินการ กลับเดินหน้าต่อไป จนทำให้มีข้าวไปทำจีทูจีเก๊ได้ต่อเนื่อง
 
ยิ่งเมื่อ ฝ่ายค้านนำโดยหมอวรงค์ เดชกิจวิกรม อดีตส.ส.ประชาธิปัตย์ อภิปรายไม่ไว้วางใจ บุญทรง เรื่องจีทูจีในเดือนพฤศจิกายนปี 2555 แต่ยิ่งลักษณ์ก็นิ่งเฉยไม่รู้ร้อนรู้หนาว แทนที่จะเปลี่ยนตัวรัฐมนตรีแต่มาปรับนายบุญทรง เตริยาภิรมย์ออกจากรัฐมนตรีกระทรวงพาณิชย์เมื่อ  30 มิ.ย.56

เท่ากับทิ้งช่วงห่างไปถึง 7 เดือน แล้วตั้ง นายนิวัฒน์ธำรง บุญทรงไพศาล เข้ามาเป็น รมว.พาณิชย์แทน
การที่ ยิ่งลักษณ์ ให้บุญทรง เป็นรัฐมนตรีต่อ 7 เดือน โดยขณะที่บุญทรงอยู่ต่อ ได้ไปทำสัญญาจีทูจีเพิ่มอีก 4สัญญา ขายข้าวของรัฐไปจำนวน 14 ล้านตัน

จึงถูกมองว่า เป็นการเปิดทางให้การระบายข้าวจีทูจีเดินหน้าต่อไป ทำให้ในคดียิ่งลักษณ์ อัยการนำสำนวนคดีจีทูจี ไปเพิ่มในสำนวนคดียิ่งลักษณ์ รวม 148 แฟ้ม ประมาณ 68,000 แผ่น  นี่เป็นการแสดงให้เห็นว่า คดียิ่งลักษณ์กับคดีบุญทรง มีความเชื่อมโยงต่อเนื่องกัน

หรือพูดประสาชาวบ้านให้เข้าใจง่ายๆ ถ้าไม่มีโครงการรับจำนำข้าว ก็ไม่มีข้าวไปทำจีทูจี

ถ้ายิ่งลักษณ์ ปรับนายบุญทรงกับนายภูมิออกไปแต่แรก หลังฝ่ายค้านอภิปรายไม่ไว้วางใจ  ก็อาจไม่เกิดจีทูจีเก๊ เกิดการทุจริต ด้วยเหตุนี้ จึงคาดคะเนว่าที่ศาลมีการนัดฟังคำพิพากษาทั้งสองคดีพร้อมกัน เพราะสองคดีมีความเชื่อมโยงถึงกันอย่างเห็นได้ชัด ทั้งในข้อเท็จจริงและการพิจารณาคดี

สิ่งที่น่ารู้สำหรับคดีจีทูจีและคดียิ่งลักษณ์อีกเรื่องหนึ่ง ก็คือทั้งสองคดีมีองค์คณะตุลาการที่มีชื่อซ้ำกัน 5 คน ที่ถือเป็นเสียงข้างมาจากที่มี 9 ตุลาการที่จะมีผลต่อการตัดสินลงมติ เพราะผลการตัดสินจะใช้เสียงข้างมากในการตัดสินคดีความ

โดยพบว่า องค์คณะในคดียิ่งลักษณ์ มี 1.นายชีพ จุลมนต์ รองประธานศาลฎีกา และว่าที่ประธานศาลฎีกาคนใหม่ เป็นตุลาการเจ้าของสำนวน 2.นายไสลเกษ วัฒนพันธุ์ 3.นายวิรุฬห์ แสงเทียน 4.นายธนฤกษ์ นิติเศรณี 5.นายธนสิทธิ์ นิลกำแหง 6.นายโสภณ โรจน์อนนท์ 7.นายพิศล พิรุณ 8.นางอุบลรัตน์ ลุยวิกกัย 9.นายธานิศ เกศวพิทักษ์

ขณะที่คดีจีทูจี มีองค์คณะคือ 1.ธนฤกษ์ นิติเศรณี 2.นายไสลเกษ วัฒนพันธุ์ 3.นายวิรุฬห์ แสงเทียน 4. นางทัศนีย์ จั่นสัญชัย ธรรมเกณฑ์ 5.นายชีพ จุลมนต์ 6. นางพฤษภา พนมยันตร์ 7.นายพิศล พิรุณ 8.นางนวลน้อย ผลทวี และ 9.นายอภิรัตน์ ลัดพลี

โดยชื่อขององค์คณะตุลาการที่นั่งเป็นองค์คณะทั้งสองคดีในเวลาเดียวกัน คือคดี น.ส.ยิ่งลักษณ์และคดีนายบุญทรง ที่มีด้วยกัน 5 คน คือนายชีพ จุลมนต์ , นายธนฤกษ์ นิติเศรณี ,พิศล พิรุณ ,ไสลเกษ วัฒนพันธุ์ และนายวิรุฬห์ แสงเทียน

เมื่อองค์คณะสองคดี มีชื่อซ้ำกัน ห้าคน แล้วรูปคดีก็มีความเชื่อมโยงถึงกันอย่างเห็นได้ชัด จนมีการคาดการณ์กันว่า ผลแห่งคำพิพากษาคดีหนึ่งจะมีผลกับอีกคดีหนึ่ง จึงไม่แปลกที่เหตุใด คดีจีทูจี และคดียิ่งลักษณ์ จึงนัดฟังคำตัดสินพร้อมกันในวันศุกร์ที่25 สิงหาคมนี้
กำลังโหลดความคิดเห็น