อดีต ส.ส.พิษณุโลก ตอบโต้ 10 ประเด็นโพยแถลงปิดคดีจำนำข้าว “ยิ่งลักษณ์” ไล่แย้งทุกประเด็น ชี้เหมือนต้องการแถลงให้คนบางกลุ่มฟังสิ่งที่ตัวเองต้องการสื่อสาร เพื่อประโยชน์บางอย่างเท่านั้น
วันนี้ (2 ส.ค.) นพ.วรงค์ เดชวิกรม อดีต ส.ส.พิษณุโลก พรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงกรณีการแถลงปิดคดีทุจริตในโครงการจำนำข้าวของ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ต่อศาลฎีกาแผนกคดีอาญาผู้ดำรงตำแหน่งของนักการเมือง ว่าตนได้มีโอกาสได้ฟังคำแถลงดังกล่าวและมีข้อสังเกต 10 ประเด็นที่ประชาชนต้องตามให้ทัน คือ 1. กล่าวหาว่าอัยการมีการเพิ่มเอกสาร 6 หมื่น แผ่นเข้ามาในสำนวน เป็นเรื่องที่เคยกล่าวหาวนเวียนตลอดและศาลก็ยกคำร้อง เพราะคดีในศาลนักการเมืองใช้ระบบไต่สวน ศาลต้องแสวงหาข้อเท็จจริงให้ครบถ้วน โดยให้โอกาสทั้งสองฝ่าย 2. ตำหนิการจัดเกรดข้าว A B C ว่าไม่เคยมีการจัดมาก่อน การที่ในอดีตไม่มีการจัดเกรดข้าวในคลัง เพราะข้าวทุกกระสอบต้องเป็นข้าวคุณภาพดีทั้งหมด แต่จากการตรวจสอบคลังพบว่า ข้าว 17.76 ล้านตัน มีข้าวที่ดีตรงตามมาตรฐาน 2.2 ล้านตัน อีก 15.56 ล้านตัน มีข้าวทั้งผิดชนิด ปลอมปนต่ำกว่ามาตรฐาน ข้าวเสื่อมมีเชื้อรา เป็นข้าวที่หลากหลายมาก จึงจำเป็นต้องแบ่งเกรดเพื่อการระบาย ถ้าไม่มีทุจริตยัดไว้ในกองข้าวก็ไม่ต้องแบ่งเกรด
นพ.วรงค์กล่าวต่อว่า 3. มีการนำข้าวดีไปประมูลขายเป็นอาหารสัตว์ ในสมัยรัฐบาล น.ส.ยิ่งลักษณ์ ใช้หลักประมูลแบบยกคลัง ถ้ามีการยัดไส้ข้าวก็ถือว่าลบล้างความผิด เพราะประมูลเหมาไปแล้ว แต่จากการตรวจคลังมีการโกงยัดไส้ข้าวหลากหลายมากจึงแบ่งเกรดประมูล โดยระยะแรกคัดข้าวดีประมูล แต่ต่อมามีปัญหา และแยกยากลำบากเพราะยังมียัดไส้ ระยะหลังจึงขายยกคลังแต่แบ่งเป็นเกรด การอ้างว่าเอาข้าวดีไปขายอาหารสัตว์นั้น มีเจตนาสร้างวาทกรรมบิดเบือนให้คนเข้าใจผิดว่าเป็นข้าวดีทั้งคลังแต่ไปขายเป็นอาหารสัตว์ แต่ในความเป็นจริงข้าวเกรด C เป็นเรื่องปกติที่ต้องมีข้าวดีปะปนบ้างเพราะไม่สามารถแยกได้
4. ประเด็นความรับผิดทางละเมิด ที่อ้างหัวหน้า คสช.ได้สั่งการว่า “โดยไม่ต้องพิจารณาประเด็นยุติธรรม” เรื่องนี้ทางอัยการเคยหักล้างไปแล้ว โดยฟังเทปรายงานการประชุมแล้วไม่มีการพูดคำนั้น 5. ตำหนิรัฐบาลว่าเป็นตุลาการเสียเองด้วยการออกคำสั่งทางปกครองให้ใช้ค่าเสียหาย การใช้อำนาจเรื่องนี้ของรัฐบาลมีกฎหมายรองรับ และ น.ส.ยิ่งลักษณ์สามารถขอความเป็นธรรมต่อศาลปกครองได้ รวมทั้งขอคุ้มครองชั่วคราว ครั้งแรกศาลไม่คุ้มครอง กรมบังคับคดีจึงได้อายัดบัญชี น.ส.ยิ่งลักษณ์จึงร้องศาลขอคุ้มครองอีกครั้งเพียงแต่รอศาลตัดสิน จึงขอโวยไว้ก่อน
6. อ้างว่าเป็นนโยบายที่ดี ต้องการช่วยชาวนา ประเด็นนี้ไม่มีใครว่าเพราะทุกรัฐบาลก็ต้องช่วยชาวนา แต่ปัญหาคือความเสียหายรวมทั้งการทุจริต ทำให้ราคาข้าวตลาดในประเทศและต่างประเทศตกต่ำ ขณะนี้ประเทศมีภาระดอกเบี้ยสูงถึงวันละ 36 ล้านบาท หรือปีละหมื่นกว่าล้านบาท 7. อ้างว่าไม่มีอำนาจระงับยับยั้งโครงการ แต่ทำไมนโยบายอื่นเช่น เรื่องน้ำ และการชะลอการเก็บเงินเข้ากองทุนน้ำมันครม.ยังยุติและไม่ดำเนินการได้ ทั้งๆ ที่เป็นนโยบายเร่งด่วนและเคยแถลงไว้ต่อสภาเหมือนกัน และยังคยมีมติปรับลดราคารับจำนำลงมาจาก 15,000 บาท และแม้สุดท้ายได้กลับไปใช้ 15,000 บาทเท่าเดิมโดยไม่ได้ปรับลดเลยก็ตาม แสดงให้เห็นว่านโยบายที่แถลงต่อรัฐสภาไปแล้ว ย่อมดำเนินการปรับปรุงแก้ไขได้ตามความเหมาะสม
8. อ้างว่าไม่ได้ปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่เพื่อให้เกิดความเสียหายหรือทุจริต เรื่องนี้มีการเตือนและชี้ปัญหาความเสี่ยงต่างๆ ของหน่วยงานที่เกี่ยวข้องตั้งแต่ก่อนเริ่มโครงการ แต่ก็ยังดำเนินการจนจบ จนมีการใช้เงินมากและขาดทุนสูง ส่งผลกระทบต่อภาระงบประมาณแผ่นดิน 9. ภายหลังการอภิปรายไม่ไว้วางใจ อ้างว่าได้สั่งการให้ รมว.พาณิชย์ ตั้งกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริง เรื่องการทำสัญญาซื้อขายแบบจีทูจีเพื่อยืนยันว่าไม่ได้ละเลย แต่ถามว่ามีปลัดคนไหนกล้าตรวจสอบว่ารัฐมนตรีดำเนินการไม่ถูกต้อง และที่สำคัญสอบไม่ตรงประเด็นที่กล่าวหา และ 10. อ้างว่าได้เปลี่ยนตัวรัฐมนตรีผู้รับผิดชอบเพื่อประโยชน์ต่อการตรวจสอบ และไม่ได้ละเลยเรื่องจีทู เป็นการพูดเพียงบางส่วน เพราะหลังอภิปรายไม่ไว้วางใจไม่ได้ดำเนินการเปลี่ยนรัฐมนตรีทันทีตามที่อ้าง และปล่อยให้นายบุญทรง เตริยาภิรมย์ อยู่ต่ออีก 7 เดือน เพื่อปฏิบัติภารกิจจีทูจีรอบสอง 14 ล้านตันให้เสร็จก่อน เพราะมีการลงนามสัญญาสุดท้ายของจีทูจีรอบสองในเดือนมิ.ย. 2556 จึงค่อยปรับออก และให้นายนิวัฒน์ธำรง บุญทรงไพศาล เข้ามาและมีการลงนามจีทูจีกับ COFCO ซึ่งเป็นจีทูจีจริง ที่สำคัญมีการสั่งระงับการเบิกข้าวจากคลังและตรวจสอบให้ถูกต้องเสียก่อน
“คำแถลงของ น.ส.ยิ่งลักษณ์ จึงมีลักษณะเหมือนต้องการแถลงให้คนบางกลุ่มฟังสิ่งที่ตัวเองต้องการสื่อสาร เพื่อประโยชน์บางอย่างเท่านั้นเอง” นพ.วงค์กล่าว
